ชวนคนรักศิลปะออกไปเดินเล่นในอาร์ตแกลเลอรีแบบไม่ต้องกลัวรถติด ไม่ต้องปวดหัวกับการหาที่จอดรถ เพราะในกรุงเทพฯ มีพื้นที่ศิลปะหลายแห่งที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้าหรือห่างออกไปแค่นิดเดียว เดินยังไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว และนี่คือ 18 อาร์ตแกลเลอรีที่น่าสนใจและอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าไม่เกิน 500 เมตร
แหล่งรวมงานศิลปะบนพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร ที่ชั้น 2 และ 3 ของซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ถือเป็นฮับศิลปะฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ที่แท้จริง เพราะในพื้นที่เดียวกันนี้รวมไว้ทั้งพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะที่มีนิทรรศการหมุนเวียนให้ชมตลอดทั้งปี รวมถึงมี Art Library ห้องสมุดเฉพาะทางสำหรับคนรักศิลปะ และ Creative Workshop ให้ทุกคนได้สนุกกับกิจกรรมสร้างสรรค์อีกมากมาย
หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (Bangkok Art & Culture Centre) หรือ BACC คือพื้นที่ศิลปะขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บริเวณแยกปทุมวัน เปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2552 เป็นแหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยที่อยู่ภายใต้ความดูแลของมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยการจัดตั้งและสนับสนุนหลักจาก กทม.
พื้นที่ภายในมีทั้งหมด 10 ชั้น โดยมีห้องสมุดศิลปะอยู่ที่ชั้น L และตั้งแต่ชั้น 1-6 เป็นพื้นที่ของร้านค้าศิลปะ คาเฟ่ ห้องประชุม ห้องอเนกประสงค์ ห้องออดิทอเรียม สตูดิโอ ห้องนิทรรศการย่อย และสำนักงาน ส่วนห้องนิทรรศการหลักจะอยู่ที่ชั้น 7-9 ซึ่งมีนิทรรศการหมุนเวียนมาให้ชมตลอดทั้งปี
Saratta ตั้งอยู่ในโรงแรม Reno Hotel ซอยเกษมสันต์ 1 เป็นพื้นที่ศิลปะใจกลางเมืองที่เกิดจากความรักและความเชื่อในพลังของศิลปะของ พัทธมน นิศาบดี นักออกแบบภาพ ที่นี่รวบรวมผลงานศิลปะต้นฉบับและงานพิมพ์ลิมิเต็ดของทั้งศิลปินไทยและต่างประเทศ โดยคัดสรรมาให้ชมอย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งพื้นที่ศิลปะในย่านอารีย์ (ซอยอารีย์ 5 ฝั่งเหรือ) ที่เราอยากแนะนำให้คนรักศิลปะรู้จัก ที่นี่ก่อตั้งโดย นำทอง แซ่ตั้ง อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการหอศิลป พีระศรี และคลุกคลีในแวดวงศิลปะมายาวนาน โดย Numthomg Art Space เป็นทั้งพื้นที่จัดจำหน่ายงานศิลปะร่วมสมัยที่ผ่านการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันด้วยสายตาและประสบการณ์ของนำทองเอง
นอกจากนั้น ยังมีพื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะที่เปิดให้ศิลปิน นักสะสม ภัณฑารักษ์ และคนรักศิลปะได้มาเจอกัน พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิด รวมถึงมีห้องสมุดที่เต็มไปด้วยแคตตาล็อกนิทรรศการจากทั่วโลกที่นำทองเก็บสะสมมานานหลายสิบปีให้ทุกคนเข้าไปอ่าน และพื้นที่สำหรับจัดเวิร์กช็อปศิลปะ
Jim Thompson Art Center คือพื้นที่ร่วมสมัยใจกลางกรุงเทพฯ เป็นอาคารสูง 4 ชั้นที่สร้างขึ้นภายใต้แนวคิดสถาปัตยกรรมสไตล์ทรอปิคัลที่เน้นการไหลเวียนอากาศและความยั่งยืน ด้านหน้าโดดเด่นด้วยอิฐลายผ้ามัดหมี่ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมไทย ออกแบบโดย สถาปนิกจากบริษัทดีไซน์-กว่า จำกัด (Design Qua)
ชั้น G มีคาเฟ่ Artzy และร้านของที่ระลึก JTAC Museum Shop บนชั้น 2 เป็นห้องสมุด William Warren พร้อมพื้นที่จัดเวิร์กช็อป ส่วนชั้น 3 คือโซนนิทรรศการหลักที่แบ่งเป็น Gallery 1 & 2 สำหรับจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยจากไทยและนานาชาติ และชั้นบนสุดคือดาดฟ้าเปิดโล่งชมวิวเมือง เหมาะกับการพบปะและพักผ่อน ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของร้านลาบเสียบ
Rebel Art Space คือพื้นที่ศิลปะที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 67 ย่านพระโขนง ที่เน้นนำเสนอผลงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทางสังคม และโปรเจ็กต์ที่ตั้งคำถามต่อระบบหรือกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม
Palette Artspace พื้นที่ศิลปะที่อยู่ติดกับบีทีเอสทองหล่อ ก่อตั้งขึ้นในปี 2562 โดย วรรษญสิน ชาร์ ด้วยแนวคิดที่จะรวมศิลปะร่วมสมัย ศิลปะดิจิทัล และของสะสมในโลกศิลปะที่มีลูกเล่นคล้ายของเล่นไว้ในพื้นที่เดียวกัน มีคาเฟ่อยู่ที่ชั้น 1 และแกลเลอรียังมีโครงการศิลปะของตัวเองอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ White Canvas Thailand การประกวดศิลปะสำหรับเด็กและเยาวชนเพื่อสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่ และโครงการช้างหนึ่งล้านตัว ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความจำเป็นในการดูแลช้างไทยที่แก่ชราหรือเจ็บป่วย
Richard Koh Fine Art ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 โดยมีพื้นที่จัดแสดงทั้งในสิงคโปร์และกรุงเทพฯ เป็นอาร์ตแกลเลอรีที่คัดเลือกศิลปินที่อาจยังไม่เป็นที่รู้จักแต่มีศักยภาพมาแนะนำให้คนรักศิลปะรู้จักเพื่อเปิดโอกาสให้ศิลปินเติบโตผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ นอกจากนั้นแกลเลอรียังเชื่อมโยงคอมมูนิตีศิลปะผ่านการจัดนิทรรศการอย่างสม่ำเสมอ การตีพิมพ์สิ่งพิมพ์ทั้งในรูปแบบดิจิทัลและสิ่งพิมพ์จริง นอกจากพื้นที่จัดแสดงจริงใน 2 ประเทศแล้ว แกลเลอรียังมีช่องทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Artsy และ Artling ที่ช่วยขยายการเข้าถึงศิลปะไปได้ไกลยิ่งขึ้นอีกด้วย
Bangkok Kunsthalle ตั้งอยู่ในอาคารไทยวัฒนาพานิช ซึ่งเคยเป็นโรงพิมพ์ชั้นนำแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ก่อนจะถูกทิ้งร้างหลังเกิดเหตุไฟไหม้ในปี พ.ศ. 2544 และถูกชุบชีวิตให้กลายเป็นพื้นที่ศิลปะเชิงทดลองที่ขับเคลื่อนโดยกลุ่มศิลปินตั้งแต่การปรับเปลี่ยนพื้นที่ไปจนถึงการสร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อนำเสนอต่อสังคม เน้นนำเสนอผลงานหลากหลายรูปแบบของศิลปินทั้งชาวไทยและต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นงานภาพยนตร์ ดนตรี ภาพถ่าย ศิลปะการแสดง วรรณกรรม สถาปัตยกรรม และงานศิลปะแนวทดลองอื่นๆ โดยจะจัดนิทรรศการประมาณ 4 ครั้งต่อปี
The Shophouse 1527 คือโปรเจ็กต์ทดลองที่เปลี่ยนตึกแถวเก่าเลขที่ 1527 กลางชุมชนสามย่าน ให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ชั่วคราว โดยทีม Cloud-floor และ IF (Integrated Field) อาคารมีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นบาร์เครื่องดื่มที่ออกแบบเมนูตามธีมนิทรรศการ ส่วนชั้น 2 และ 3 ใช้จัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน เปิดพื้นที่ให้ศิลปิน สถาปนิก และครีเอทีฟจากหลากวงการมาทดลองแนวคิดใหม่ๆ ผ่านผลงานศิลปะจัดวาง เสียง และสื่อผสมหลากรูปแบบ
Art4C (Art for Community) ศูนย์ศิลปะที่ริเริ่มโดยคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ห่างจาก MRT สามย่าน เพียง 280 เมตร ที่นี่คือพื้นที่แสดงผลงาน แลกเปลี่ยนความรู้ และสร้างสรรค์กิจกรรมร่วมกับชุมชนรอบมหาวิทยาลัย ภายในมีทั้งแกลเลอรีสำหรับจัดแสดงผลงานของนิสิต อาจารย์ ศิษย์เก่า และศิลปินที่ชื่อเสียง รวมถึงเป็นพื้นที่ให้ทั้งนิสิต อาจารย์ ศิษย์เก่า และศิลปินจากหลากหลายวงการได้ทำงานร่วมกัน ตั้งแต่การพัฒนา Start-up ด้านศิลปะ การบำบัดด้วยศิลปะ ไปจนถึงการทำงานร่วมกับสายวิทยาศาสตร์ ดนตรี และการออกแบบ
พื้นที่สร้างสรรค์ที่เป็นส่วนหนึ่งของตึกสำนักงานโนเบิล เพลินจิต ถูกเปลี่ยนจากโชว์รูมขายอสังหาริมทรัพย์เป็น Inspiration Playground สำหรับคนเมือง โดยพื้นที่ชั้นล่างประกอบด้วย Art Space ที่เปิดให้ศิลปินร่วมสมัยแสดงผลงาน, พื้นที่ Workshop รองรับกิจกรรมทั้งออนไลน์และออฟไลน์, Co-working สำหรับนั่งทำงานแบบชิลๆ, และร้าน Toby’s ที่เสิร์ฟบรันช์ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ส่วนชั้นบนมี Pop-up Cafe หมุนเวียนแบรนด์กาแฟใหม่ทุกสองเดือน และ Curated Store ที่ขายของดีไซน์เท่จากคนทำงานสร้างสรรค์
KICH Gallery จากเพลินจิตขยายสาขาสู่ซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ โดยเป็นส่วนหนึ่งของ House of Tempo คอมมูนิตี้แนวตั้งสำหรับชาวอารีย์ที่อยู่ในทาวน์เฮาส์ 4 ชั้น บรรยากาศโฮมมี ภายในมีทั้งร้านวินเทจสโตร์ ร้านอาหารและโฮมบาร์ รวมถึงอาร์ตแกลเลอรีใหม่เอี่ยมแห่งนี้
KICH Ari Space โดดเด่นเรื่องการหยิบเอางานศิลปะของศิลปินรุ่นใหม่ในเมืองไทยมาจัดแสดงในมู้ดอบอุ่นและเป็นกันเองที่จะเห็นได้จากอินทีเรียภายในที่เลือกใช้ไม้สีเข้มแทนการบุผนังด้วยสีขาวล้วนเหมือนแกลเลอรีปกติ รวมถึงการเพิ่มกิจกรรมต่างๆ มาให้ทำระหว่างดูงานศิลปิน ทั้งการร่วมระบายสีภาพกับศิลปิน และเวิร์กช็อปต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ของ New Generation Artists ที่แท้ทรู ซึ่งเอาจริงๆ แล้วก็เหมาะกับย่านอารีย์ที่เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของคนรุ่นใหม่ไฟแรงแห่งกรุงเทพมหานครมากๆ
อาร์ตแกลเลอรีและพื้นที่สร้างสรรค์ที่อยู่ติดกับ Bangkok Graffiti Park ใกล้บีทีเอสราชเทวี (ทางออก 2) ใช้เวลาเดินแค่หนึ่งนาทีก็ถึง ที่นี่มีพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการถึง 3 ชั้น เปิดให้ชมผลงานของศิลปินร่วมสมัยรุ่นใหม่ที่น่าจับตามอง ทั้งจากไทยและต่างประเทศ
พื้นที่ศิลปะสมัยใหม่ที่อยู่ในซอยอมรินทร์ 3/3 ถนนพหลโยธิน ใกล้ BTS สถานีวัดพระศรีมหาธาติ (ออกทางออก 4แล้วเดินประมาณ 100 เมตร) ที่นี่จะนำผลงานศิลปะเชิงแนวคิดที่ล้ำสมัยท้าทายขอบเขตและความคิดแบบเดิมๆ จากศิลปินทั่วโลกมาจัดแสดง
Sriwiang Gallery ตั้งอยู่บนถนนศรีเวียง ไม่ไกลจากวังประมวญ เป็นพื้นที่เก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 120 ปี ตัวบ้านเป็นบ้านไม้ที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมโคโลเนียล อายุ 116 ปี ทาสีขาวไข่มุกเป็นเอกลักษณ์ ตกแต่งจั่วหลังคาและชายคาด้วยไม้ฉลุ สะท้อนเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของยุคนั้น โดยผสมผสานอิทธิพลแบบโคโลเนียลเข้ากับศิลปะไทยและตะวันตกอย่างลงตัว
อาร์ตแกลเลอรีย่านฝั่งธนฯ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับบีทีเอสบางหว้า หลายคนเรียกว่าเป็น ‘อาร์ตแกลเลอรีลับบนชั้นดาดฟ้า’ มาพร้อมคอนเซ็ปต์น่าสนใจที่บอกว่าจะพาคนรักศิลปะไปค้นพบกับความลับของท้องฟ้าผ่านมุมมองและจินตนาการบนงานศิลปะของศิลปิน
Placemak BKK คืออาร์ตแกลเลอรีที่จัดแสดงผลงานศิลปะสื่อผสมจากเกาหลีที่เข้ามาเปิดสาขาต่างประเทศสาขาแรกที่กรุงเทพฯ โดยจุดเริ่มต้นของ Placemak ที่เกาหลี เริ่มจากการเปิดบาร์ของ Yoo Keetae ที่ย่านฮงแด และบาร์ได้กลายเป็นพื้นที่รวมตัวของศิลปินในกรุงโซล ทำให้เขามีคอนเน็กชันของผู้คนในวงการศิลปะมากมาย จนเริ่มมาเอาจริงเอาจังกับการทำพื้นที่ศิลปะของตัวเอง และมีโอกาสได้รู้จักกับเจ้าของ Rebel Art Space ในกรุงเทพฯ ซึ่งทั้ง 2 แกลเลอรีมีแนวทางที่ใกล้เคียงกัน เขาจึงตัดสินใจพา Placemak มาทักทายคนกรุงเทพฯ และตั้งใจว่าจะเป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างไทยและเกาหลีในอนาคต