ถึงแม้ช่วงนี้คนกรุงเทพฯ จะอินกับเทรนด์เนเชอรัลไวน์แบบสุดๆ แต่ไวน์บาร์น้องใหม่แห่งย่านพระโขนงอย่าง Maria Bar กลับสวนทุกกระแสด้วยการโฟกัสไปที่ conventional wine หรือก็คือคลาสสิกไวน์ที่เหมาะสำหรับนักดื่มตั้งแต่เลเวลเริ่มต้นไปจนถึงคนรักไวน์ตัวจริงเสียงจริง
ความสนุกของพาร์ตตกแต่งที่นี่คือการหยิบเอากลิ่นอายแบบไนต์คลับฝั่งยุโรปที่ในหลายๆ ครั้งก็มักจะซ่อนตัวอยู่ในตึกเก่ายุคเรอเนสซองส์ หรือบางร้านถึงขั้นใช้โบสถ์เก่ามาทำเป็นบาร์เลยก็มี และถึงแม้ย่านพระโขนงจะไม่มีตึกเก่ายุคเรอเนสซองส์ก็ตาม แต่เราจะได้เห็นการหยิบเอาหลายๆ element จากยุคนั้น ทั้งซุ้มอาร์กโค้ง เสาแบบคอรินเทียน (Corinthian) ผ้าม่านจับจีบพลีตขนาดใหญ่ ไปจนถึงภาพเพนต์ผนังที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสเตนกลาสในโบสถ์ มามัดรวมกันอยู่ร้านแห่งนี้ พร้อมด้วยการจัดโซนที่นั่งให้มีความเป็นส่วนตัวสูงด้วยโซฟาสั่งทำทรงโค้งในโทนสีน้ำเงินเข้มที่สร้างบรรยากาศเรียบเก๋และหรูหราแสนคลาสสิกให้กับร้านนี้ได้เป็นอย่างดี
สำหรับคอนเซ็ปต์หลักที่เลือกหยิบเอาพระแม่มารีมาเป็นนางเอกของไวน์บาร์แห่งนี้ มาจากแนวคิดเรื่องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อยู่คู่กับศาสนาคริสต์มาอย่างยาวนาน เลยเป็นที่มาของรูปปั้นพระแม่ยืนเวลคัมเหล่านักดื่มอยู่ในโซน wine cellar ของร้าน ซึ่งไวน์ลิสต์ที่นี่เขาก็มีให้เลือกชิมทั้งแบบแก้ว (270-340 บาท) ส่วนราคาแบบขวดก็มีตั้งแต่ 1,300 บาท ไปจนถึง 10,600 บาทเลยก็มี โดยโฟกัสไปที่ซีเลกชั่นไวน์โลกเก่าเน้นๆ มากกว่า 50 ตัว ทั้งจากอิตาลี ฝรั่งเศส สเปน อาร์เจนติน่า เยอรมนี ไปจนถึงออสเตรีย หรือไวน์โลกใหม่หลายๆ ตัวจากฝั่งอเมริกา ก็มีมาให้เลือกดื่มเหมือนกัน แอบกระซิบว่าหุ้นส่วนใหญ่ของร้านนี้เขามาจากไวน์บาร์ไวบ์ดีฝั่งเจริญนครอย่าง W8 เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการคัดเลือกไวน์แน่นอน
ไม่ใช่แค่ไวน์เท่านั้น แต่ที่นี่ยังเสิร์ฟค็อกเทลกับเขาด้วยเหมือนกัน ซิกเนเจอร์ดริงก์ที่เราได้ลอง มีทั้ง The Last Drinker (430 บาท) เครื่องดื่มเบสเตกิลาที่ใช้น้ำเกรปฟรุ้ตและเกลือหิมาลายันมาลดดีกรีความแรง ตั้งใจให้ดื่มเป็นแก้วสุดท้ายล้อเลียน The Last Supper ส่วนอีกแก้วอย่าง Blessing (390 บาท) ก็ดื่มง่ายตามสไตล์ค็อกเทลเบสเหล้า Aperol ตกแต่งด้านบนแก้วด้วยผงมะเขือเทศอบแห้งและผงผักกาดม่วงเพื่อเพิ่มสีสัน
ส่วนใครจิบไวน์แล้วท้องร้อง เมนูอาหารที่นี่เขาก็ทำมาเพื่อจับคู่แพร์ริ่งกับไวน์ได้เป็นอย่างดี ทั้ง Cacio e Pepe (340 บาท) เมนูพาสต้าสุดคลาสสิกที่เกิดมาเพื่อคนรักชีสโดยเฉพาะ แต่เพิ่มท็อปปิงด้วยแฮม Prosciutto อบ และพริกหนุ่มย่างเพื่อตัดเลี่ยน หรือใครจะอยากอิ่มจุกๆ ก็สั่ง Striploin Fried Rice (400 บาท) มาทานได้เลย