ย่านเมืองเก่า หรือ โซนเกาะรัตนโกสินทร์ เป็นอีกหนึ่งย่านในกรุงเทพฯ ที่น่าเที่ยว เพราะมีทั้งวัดวาสวยๆ โบราณสถานที่มีความสำคัญ ตึกรามบ้านช่องที่มีความคลาสสิก รวมถึงบรรยากาศชุมชนที่น่ารัก ยิ่งกว่านั้นคือทั่วทั้งย่านนี้มีอาร์ตแกลเลอรีที่น่าสนใจอยู่หลายแห่ง ใครกำลังจะไปเดินเล่นแถวนั้น แต่ยังไม่มีข้อมูล เรารวบรวมมาให้แล้ว
พื้นที่ศิลปะในย่านเมืองเก่าที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2020 โดย ถวัลย์ชัย สมคง บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Fine Art เพื่อเป็นศูนย์รวมของผู้คนในแวดวงศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน ภัณฑารักษ์ นักสะสม นักศึกษา ไปจนถึงคนรักงานศิลปะ ข้างในมีทั้งคาเฟ่ แกลเลอรี สตูดิโอ ห้องประชุม โคเวิร์กกิงสเปซ ออฟฟิศ และที่พักสำหรับศิลปินในโครงการ artist-in-residence
ห้องจัดแสดงหลักของ MATDOT Art Center มี 2 ห้อง คือ Blacklist Gallery ที่ใช้โชว์งานของศิลปินทั้งไทยและต่างชาติ และห้อง Matdot Gallery ซึ่งใช้จัดแสดงผลงานของศิลปินในโครงการ artist-in-residence โดยเฉพาะ
แกลเลอรีศิลปะร่วมสมัยแห่งนี้เปิดมาตั้งแต่ปี 2018 สนับสนุนทั้งศิลปินรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่จากทั้งไทยและต่างประเทศ มีพื้นที่จัดแสดงกว่า 3,500 ตารางฟุต แบ่งเป็น 2 ห้องหลัก ที่นี่มีทีมภัณฑารักษ์ที่มากประสบการณ์ และเน้นนำเสนอผลงานผ่านนิทรรศการที่คัดสรรมาอย่างดี เพื่อให้เข้าถึงทั้งนักสะสมและคนรักงานศิลปะ ภายใต้แนวคิด joy & Join ที่สะท้อนความสนุก ความร่วมสมัย และความเชื่อมโยงระหว่างศิลปินกับผู้ชม
ผลงานศิลปะที่จัดแสดงหลากหลาย ตั้งแต่ Urban Art, Street Art, Pop & New Surrealism, Contemporary Abstract ไปจนถึงงานดิจิทัลและสื่อผสมต่างๆ โดยเน้นการสื่อสารกับโลกยุคใหม่และวิถีชีวิตของผู้คนในเมืองผ่านนิทรรศการในแกลเลอรีและอาร์ตแฟร์ที่จัดขึ้นตลอดทั้งปี
Old Town Gallery เปิดตั้งแต่ปี 2020 จัดแสดงผลงานของศิลปินหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นนักวาดการ์ตูน ศิลปินสตรีตอาร์ต ศิลปินรุ่นใหม่และศิลปินอิสระ โดยต้องการเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ที่ชวนทุกคนไปสำรวจและเรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านงานศิลปะ รวมถึงสนับสนุนให้ศิลปินหน้าใหม่ได้เติบโต และเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงผู้คนในแวดวงศิลปะ
หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร (Art Centre Silpakorn University) ตั้งอยู่ที่วิทยาเขตวังท่าพระ โดยใช้ท้องพระโรงและพระตำหนักกลางที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีในฐานะอาคารประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย และได้รับการขึ้นทะเบียนโบราณสถานเมื่อ พ.ศ. 2521 เป็นหอศิลป์เพื่อส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรมร่วมสมัยผ่านการจัดนิทรรศการและกิจกรรมด้านศิลปะ
หอศิลป์ ณ บ้านเจ้าพระยา อาร์ตแกลเลอรีริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ใกล้สวนสันติชัยปราการและป้อมพระสุเมรุ ย่านถนนพระอาทิตย์ ตัวอาคารเป็นบ้านทรงปั้นหยาสมัยเก่า ที่เคยเป็นทั้งตำหนักในวังของพระองค์เจ้าเนาวรัตน์ พระราชโอรสของรัชกาลที่ 4 ที่ประทับของพระองค์เจ้าคำรบ ปราโมช (อธิบดีกรมตำรวจนครบาลคนแรกของไทย) ที่พักรับรองแขกเมือง และที่ทำการกรมตำรวจภูธรก่อนจะถูกทิ้งร้าง
ปัจจุบัน กลุ่ม ปตท. ได้เข้ามาบูรณะและอนุรักษ์บ้านเจ้าพระยาแห่งนี้ให้กลายเป็นพื้นที่ศิลปะและการเรียนรู้ โดยใช้เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานจากการประกวดศิลปกรรม ปตท. รวมถึงนิทรรศการหมุนเวียนของศิลปินทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่ นอกจากนี้ ยังมีคาเฟ่เล็กๆ ที่น่าสนใจอย่าง Café Amazon for Chance ที่มีผู้พิการทางการได้ยินเป็นบาริสต้าเพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนในสังคมได้มีพื้นที่ของตัวเอง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (The National Gallery) หรือที่หลายคนคุ้นในชื่อ ‘หอศิลปเจ้าฟ้า’ ตั้งอยู่บนถนนเจ้าฟ้า ย่านพระนคร เดิมทีพื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นตำหนักของเจ้านายฝ่ายวังหน้า ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และเป็นที่มาของชื่อถนนเจ้าฟ้าในปัจจุบัน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการรื้อถอนตำหนักเพื่อสร้างโรงกษาปณ์แห่งใหม่ชื่อ ‘โรงกษาปณ์สิทธิการ’ เพื่อใช้ผลิตเหรียญกษาปณ์ของประเทศจนถึงปี พ.ศ. 2517
ต่อมากรมศิลปากรได้ขอใช้พื้นที่ของโรงกษาปณ์เก่าเพื่อปรับเป็นหอศิลป์แห่งชาติ สำหรับจัดแสดงผลงานศิลปะของศิลปินไทยและต่างชาติ และเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2520 จากนั้นได้เปลี่ยนชื่อจาก ‘หอศิลป์แห่งชาติ’ เป็น ‘พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป’ ตาม พ.ร.บ. โบราณสถานฯ และเปิดให้เข้าชมอีกครั้งในปี พ.ศ. 2521 พร้อมขยายพื้นที่จัดแสดงในปี พ.ศ. 2526 จากการมอบพื้นที่เพิ่มเติมโดยกรมธนารักษ์ ทำให้หอศิลป์สามารถรองรับกิจกรรมศิลปะและผู้เข้าชมได้หลากหลายมากขึ้น
10 10 Art Space คืออาร์ตแกลเลอรีที่เป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม The StandardX บนถนนพระอาทิตย์ที่นำเอาเอกลักษณ์ศิลปะและวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ มาใส่ไว้ในทุกห้องพักจำนวน 62 ห้อง รวมถึงการเปลี่ยนพื้นที่ล็อบบีให้กลายเป็นอาร์ตแกลเลอรีที่นำเสนองานศิลปะแบบหมุนเวียนที่ต้อนรับทั้งผู้เข้าพักและคนทั่วไป ที่นี่ตั้งใจจะเป็นอีกแรงในการขับเคลื่อนวงการศิลปะร่วมสมัย ผ่านผลงานของศิลปินไทยที่พร้อมก้าวสู่เวทีโลก ท่ามกลางบรรยากาศของถนนสายวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร
อาร์ตแกลเลอรี่เล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในบ้านไม้เก่าสไตล์ขนมปังขิงอายุเกือบ 150 ปี ในตรอกตึกดิน ตัวบ้านเคยเป็นบ้านของเพื่อนสนิทเจ้าของแกลเลอรีที่โตมาด้วยกัน ทำให้มีความผูกพันกับสถานที่เพราะมา นั่งเล่นที่นี่เป็นประจำตั้งแต่ยังเด็ก จนวันหนึ่งได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง เลยเกิดไอเดียปัดฝุ่นบ้านที่ถูกปิดไว้นานกว่า 20 ปีให้กลายเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ร่วมกัน
แรกเริ่มตั้งใจจะตั้งชื่อว่า ‘บ้านไม้ขาว’ ตามลักษณะบ้านไม้ที่ปลูกต้นไม้ดอกสีขาวล้อมรอบ แต่สุดท้ายเปลี่ยนเป็น ‘พยัคฆ์’ เพราะบ้านอยู่ใกล้ศาลเจ้าพ่อเสือ และบังเอิญผู้ก่อตั้งทั้งสามคนมีรอยสักเสือเหมือนกันหมด แถมลายฉลุบนบ้านยังคล้ายลายหน้าผากเสืออีกต่างหาก
พื้นที่แกลเลอรีแบ่งเป็น 2 ชั้น ชั้นล่างมี ‘ห้องบ้านไม้ขาว’ ที่จัดแสดงของใช้ของคุณย่าเจ้าของบ้านเดิม กับ ‘ห้องพยัคฆ์พาณิชย์’ ซึ่งเป็นช็อปขายของที่ระลึกและผลงานศิลปิน ส่วนชั้นบนเป็นห้องจัดแสดง 4 ห้อง ตั้งชื่อตามชนิดของเสือ ได้แก่ สมิง, โคร่ง, พาดกลอน และลายเมฆ
นอกจากนั้นยังปรับพื้นที่รอบๆ บ้านให้กลายเป็นสวนสำหรับจัดอีเวนต์กลางแจ้ง และบ้านพักศิลปิน รวมถึงมีคาเฟ่และบาร์เล็กๆ ด้วย
พื้นที่ศิลปะที่ก่อตั้งโดย 2 ศิลปินไทยอย่าง อธิศว์ ศรสงคราม และ แพร พู่พิทยาสถาพร ที่เริ่มจากการเป็นพื้นที่เก็บผลงานศิลปะของทั้งสองคน ก่อนจะปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการชั่วคราว กิจกรรม และวงสนทนา ที่เปิดกว้างต่อความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในโลกศิลปะ โดยโปรแกรมต่างๆ ของ Storage Art Space อยู่ภายใต้การดูแลของภัณฑารักษ์อิสระ แมรี่ ปานสง่า และ สถิตย์ ศัสตรศาสตร์ ศิลปินและภัณฑารักษ์ ที่ร่วมขับเคลื่อนพื้นที่นี้ด้วยแนวทางเฉพาะตัว