เปิดแล้วอย่างเป็นทางการ กับร้านไฟน์ไดนิ่งแห่งแรกของแบรนด์ Louis Vuitton ในไทยและในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจับมือกับเชฟ Gaggan Anand และใช้ชื่อร้านอย่างตรงไปตรงมาว่า Gaggan at Louis Vuitton ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของ LV The Place Bangkok ที่ตึก Gaysorn Amarin โดยแบ่งรอบเสิร์ฟเป็น 2 รอบ คือคอร์สมื้อกลางและคอร์สดินเนอร์
ตัวร้านเลือกใช้โทนสีส้ม ซึ่งเป็นสีหลักของแบรนด์ Louis Vuitton พร้อมจัดที่นั่งให้ดูอบอุ่นและไม่อึดอัดจนเกินไปด้วยโซฟาทรงโค้ง และเก้าอี้นวมบุผ้าที่สั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ ที่เจ๋งมากๆ คือพวกจานชาม ไปจนถึงแก้วไวน์ เขาก็สั่งทำพิเศษเช่นกันสำหรับร้าน Gaggan at Louis Vuitton โดยเฉพาะ
เราได้ชิมคอร์สมื้อกลางวัน ที่สร้างสรรค์โดยทีมเชฟนำโดย Gaggan Anand, Rydo Anton, Vix Rathour และเชฟขนมหวานอย่างเชฟเดช คิ้วคชา มารังสรรค์เมนูตั้งแต่ต้นจนจบ เรียกว่าคัดมาเฉพาะทีมซุปเปอร์สตาร์เชฟล้วนๆ ซึ่งจะเสิร์ฟทั้งหมด 8 คอร์สด้วยกัน
ใครที่เคยไปกินอาหารของเชฟ Gaggan Anand มาก่อน จะต้องคุ้นหน้าคุ้นตากับหลายๆ จานที่ยกมาเสิร์ฟบน Gaggan at Louis Vuitton อย่างแน่นอน เช่น เจ้าเมนูเรียกน้ำย่อยในคอร์สที่ชื่อว่า Lick It Up ที่เชฟตั้งใจให้เราเลียจานจนเกลี้ยง โดยคอร์สนี้เลือกใช้มันฝรั่งและมันหวานมาปรุงรสด้วยส้มยูซุและทำเป็นลาย Monogram
ไปต่อกันที่คอร์สหน้าตาคุ้นเคยอย่าง Charcoal ที่เปรียบเสมือนอีกจานซิกเนเจอร์ของเชฟ Gaggan โดยรอบนี้ตัวไส้ด้านในคร็อกเก้ชาร์โคลทำมาจากเนื้อกุ้งและออยล์จากใบชิโสะ
ส่วนจานไฮไลต์ของคอร์สนี้คงต้องยกให้คอร์สถัดมาในชื่อ World Map ที่นำแรงบันดาลใจจากการท่องเที่ยวรอบโลกของเชฟ และหนึ่งในแคมเปญของแบรนด์อย่าง ‘Louis Vuitton Spirit of Travel’ มารวมกัน จนเกิดเป็นเมนูหลากหลายสัญชาติและหลากหลายที่มา มีตั้งแต่แซนวิชรูปมะม่วงสอดไส้ฟัวกราส์ รวมถึงทาร์ตเล็ตลาย Monogram ที่ทำจากฮามอนแฮม ซึ่งความอลังการงานสร้างของคอร์สนี้ คือเครื่องปั้นดินเผาทรงลูกโลกที่สั่งทำพิเศษจากประเทศญี่ปุ่น มีลูกเล่นคือสามารถจับแยกชิ้นออกมาเหมือนปิ่นโตได้ด้วย
อีกคอร์สที่น่าจะถูกใจสายแฟคือเกี๊ยวสัญชาติอินเดียที่เรียกว่าโมโม่ มาในแผ่นแป้งเกี๊ยวลาย Damier ที่เหล่าสาวกหลุยส์วิตตองทั่วโลกรู้จักกันดี และค่อยล้างปากกันสักนิดก่อนเข้าเมนคอร์ส ด้วย Tomato Nectar คอร์สแสนสดชื่นที่เชฟบอกว่าเป็นการทานสลัดในรูปแบบของเหลว โดยมีส่วนประกอบเป็นไอศกรีมที่ทำจากบูราต้าชีส และซุปมะเขือเทศเย็น
เมนูเมนคอร์สที่ทุกคนรอคอยเข้าใจไม่ยากอย่างที่คิด เพราะนี่คือแกงกะหรี่รสชาติทานง่ายที่ไม่เข้มข้นมากนัก จะมีให้เลือกโปรตีนหลักระหว่างเนื้อวัว ปู หรือผัก เสิร์ฟพร้อมข้าวบาสมาติเมล็ดยาวซึ่งเก็บเกี่ยวมาจากทางตอนเหนือของอินเดีย คอร์สสุดท้ายคือของหวานอย่าง Dream Big ที่ได้เชฟเดชจาก Kyo Roll En มาช่วยรังสรรค์เมนู โดยเลือกหยิบเอากาแฟและมะกรูด ที่เป็นส่วนผสมหลักของน้ำหอมหลายๆ ตัวของหลุยส์วิตตอง มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักของขนมหวานจานนี้ พร้อมเพิ่มความเป็นไทยลงไปด้วยไอศกรีมมะยงชิด และแต่งด้านบนด้วยซีซอลต์เมอแรงก์ลายแอบสแตรค
โดยรวมถือว่าเป็น Gaggan Anand ในแบบที่คนเป็นแฟนคลับของเชฟอยู่แล้วน่าจะไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนัก แต่มาในเวอร์ชัน Gaggan ลาย Monogram กับ Damier ที่สายแฟชั่นนิสต้าทั้งหลายน่าจะใจเต้นรัวมากกว่า ส่วนคอร์สดินเนอร์ที่มี 21 จาน อาจจะมีอะไรเซอร์ไพรส์เพิ่มเติมกว่าคอร์สมื้อเที่ยงอีกเยอะน่าดู