Kanori ประสบความสำเร็จให้การเปิดตัวแบรนด์แฮนด์โรลที่ให้บริการคล้ายโอมากาเสะซูชิ ด้วยความที่สาหร่ายแผ่นเมื่อสัมผัสกับข้าวซูชิก็มักจะอ่อนนุ่มในเวลาอันรวดเร็ว การทำบาร์ให้คนมากินแฮนด์โรลแบบเสิร์ฟคำต่อคำเหมือนโอมากาเสะซูชิจึงเป็นการแก้ปัญหานี้ที่ดีมาก ทำให้ร้านได้รับความนิยมมาก และแน่นอนว่าแม้แต่โอมากาเสะซูชิหลายร้านก็เริ่มนำเอาแฮนด์โรลซูชิที่ปกติเสิร์ฟปิดท้ายมื้อ มาทำเป็นโอมากาเสะแฮนด์โรลไปด้วยเลย
โดยสาขานี้ถือเป็นแฟล็กชิปสโตร์ที่ใหญ่ที่สุดของแบรนด์ รองรับลูกค้าได้มากถึง 60 คน ความน่าสนใจคือการเพิ่มเอากลิ่นอายของโอมากาเสะที่มากขึ้น โดยยังคงมีเคาท์เตอร์บาร์ที่เหมือนกับสาขาทั้ง 4 แห่งของแบรนด์ แต่เพิ่มโซนใหม่อีก 2 โซน Semi Private ที่รองรับกลุ่มเพื่อนได้ 6-8 คน ให้อารมณ์เหมาร้านโอมากาเสะ และโซนหน้าร้านที่ให้บริการแบบโรลสำเร็จ ฉีกสาหร่ายและม้วนด้วยตัวเอง
ไม่เพียงเท่านั้น ทุกครั้งที่ Kanori เปิดสาขาใหม่ก็จะคิดเมนูใหม่สำหรับสาขาแต่ละแห่งออกมา เช่นเดียวกันกับที่สยามพารากอนที่เพิ่ม 5 เมนูพิเศษเฉพาะสาขาขึ้นมา
Ikura Cream Cheese สาหร่ายกรอบยัดไส้ด้วยครีมชีสและไข่แซลมอน, Crab Spicy Ponzu โรลปูม้าไทยที่มีคาเวียร์พอนสึรสเผ็ดนิดๆ เพิ่มรสชาติเมื่อแตกออก, Otoro Suki เนื้อปลาทูน่าเบิร์นไฟ ชุบซอสสุกี้ญี่ปุ่น เพิ่มไข่แดงดอง เมื่อกินรวมกันเหมือนกินสุกี้ในเวอร์ชันโรล, Shima Aji ปลาชิมะอาจิกับการเพิ่มสัมผัสต่างๆ แบบสไตล์ร้าน และ Tiger Prawn Tempura เทมปุระกุ้งลายเสือตัวโตที่แทบจะม้วนสาหร่ายไม่ได้ แน่นอนว่าทางร้านใส่ใจเรื่องการแพ้อาหารจึงมี Engawa Tempura เทมปุระเอ็นปลาตาเดียวมาเป็นทางเลือก
หลังจากมาที่นี่ เราสัมผัสได้ว่า ตลาดของแฮนด์โรลจะยังคงไปต่อได้ เพราะทั้งคอนเซ็ปต์และดีไซน์ร้านในรูปแบบแคชชวลดูเป็นทางเลือกที่คนกินไม่น้อยยังคงชื่นชอบ