ขอพูดถึงพาร์ตตกแต่งก่อน ซึ่งเราว่าสาขาใหม่นี้ทำออกมาได้เต็มแมกซ์มาก โดยรวมคือมีความเลเวลอัปพอสมควร จากเดิมที่ร้านแรกในย่านหลังสวนมีความจำเป็นต้องใช้โครงสร้างและการตกแต่งเก่าของร้าน Beer Bridge ที่ปิดไปช่วงโควิด ทำให้ไม่สามารถตกแต่งอะไรได้มากมาย พอย้ายมาบ้านหลังใหม่ในโซนชั้น GF ของ Gaysorn Amarin ที่มีพื้นที่ (และงบประมาณ) ให้เล่นเยอะขึ้น เราเลยจะได้เห็น Mickey’s Dinner BKK เวอร์ชั่น 2.0 ที่มองมาจากหน้าห้างยังรู้ว่าร้านนี้เป็นอเมริกันไดเนอร์แน่นอนแบบตะโกนดังๆ โดดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์สเตนเลสสีโครเมียมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากร้านไดเนอร์บนรถ airstream ที่นิวยอร์ก พร้อมใส่ดีเทลลายตารางหมากรุกสีขาวดำลงไปบนพื้นร้าน เคาน์เตอร์บาร์ และบนจานชามเพื่อให้กลิ่นอายแบบเรโทรนิดๆ และที่ขาดไม่ได้คือที่นั่งแบบพนักผิงหลังชนกันที่ทำให้ร้านนี้ดูเหมือนอยู่อเมริกาจริงๆ (ถ้าไม่นับว่าที่นั่งเอาต์ดอร์ข้างนอกร้อน 40 องศา)
ส่วนในพาร์ตอาหารที่ได้เชฟเจ้าของร้านอย่างเชฟชาลี กาเดอร์ (จาก 100 Mahaseth, Holy Moly และ Wana Yook) มาคิดค้นสูตร ก็ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังทั้งแง่ของรสชาติและปริมาณ เพราะถ้าหลายคนกำลังคิดว่าอาหารสไตล์อเมริกันไดเนอร์ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ทอดไข่ ทอดไส้กรอกก็จบ เราบอกเลยว่าคิดผิด ซึ่งนี่แหละคือใจความสำคัญที่ทำให้ Mickey’s Diner BKK แตกต่างจากไดเนอร์เพื่อนร่วมชาติอย่างเห็นได้ชัด
ยกตัวอย่างเช่นเมนูไวรัล American Fried Rice Chicken Combo (340 บาท) เมนูปราบเซียนที่หาอร่อยจริงๆ ยากมาก ของที่ร้านนี้เชฟชาลีเขาคิดซอสสูตรพิเศษเพื่อให้ตัวข้าวผัดอเมริกันรสชาติเข้มข้นและเครื่องแน่นจัดๆ โปะด้านบนมาด้วยไก่ทอดชิ้นใหญ่ เบคอน แพตตี้หมู และมันฝรั่งทอดจนแทบมองไม่เห็นข้าวด้านล่าง ส่วนเมนูคลาสสิกอย่าง Mickey’s Breakfast (340 บาท) ก็อร่อยกว่าชาวบ้านด้วยบัตเตอร์มิลค์แพนเค้กเนื้อนุ่มฟู ไม่แข็งกระด้าง และแคนาเดียนเบคอนสั่งทำพิเศษ
จานที่หลายคนไม่ค่อยพูดถึง แต่เราอยากแนะนำให้ใครก็ตามที่จะมาร้านนี้ได้ลองสั่งดูสักครั้งคือ Cured Beef Tongue & Mash (850 บาท) ลิ้นวัวไทยวากิวหมักเครื่องปรุงนาน 3-4 ชม. แล้วนำไปตุ๋นอีกทีจนได้ลิ้นวัวที่เนื้อนุ่มละลายในปากและรสชาติติดเค็มนิดๆ ไว้กินคู่กับมันบดเทกซ์เจอร์ละเอียด ซึ่งจานนี้เชฟชาลีบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากเมนู corn beef ที่ปกติในร้านไดเนอร์ที่อเมริกาจะใช้เนื้อส่วน brisket มาหมักกับเกลือ จุดๆ นี้จะสั่งมากินคู่กับดราฟต์เบียร์จาก 6 แท็ปของร้าน หรือจะเพิ่มความอ้วนเข้าไปอีกด้วยเมนูมิลก์เชกที่มีให้สั่งทั้ง Oreo Cream Cheese Milk Shake (190 บาท) และ Strawberry Milk Shake (190 บาท) ก็ฟินทั้งนั้น
และนี่คืออเมริกันไดเนอร์ที่จริงใจโดยแท้ ทั้งรสชาติเข้าใจง่ายแต่ทำถึง และปริมาณที่เสิร์ฟมาแบบจุกๆ ซึ่งเชฟชาลีแอบกระซิบว่ากำลังทำเมนูเซ็ตใหม่มาเอาใจทาสรักอเมริกันซีฟู้ดอยู่ ใครรอได้ก็รอ แต่ถ้ารอไม่ได้ให้ไปลองเมนูเซ็ตแรกนี้ก่อนเลย!