บาร์ย่านหลังสวนที่นิยามตัวเองว่าเป็น Speakeasy Bar & Social Hideout หรือพื้นที่นั่งจิบสำหรับคนที่ต้องการหลบความวุ่นวายทั้งในเมืองและในชีวิตไปพักใจในบรรยากาศผ่อนคลายกับเครื่องดื่มสักแก้ว ซึ่งถ้าจะเรียกว่าเป็นบาร์เปิดใหม่สายอินโทรเวิร์ตก็คงไม่ผิด
เจ้าของร้านคือ คุณพลอย สาวออฟฟิศที่ชอบไปนั่งบาร์ค็อกเทลหลังเลิกงานซึ่งบางวันก็อยากไปแบบสบายๆ ในลุคทำงาน ไม่ต้องแต่งองค์ทรงเครื่องอะไรมาก จึงเปิดบาร์นี้เพื่อตอบโจทย์คนที่มีไลฟ์สไตล์เดียวกับตัวเองในย่านที่รายล้อมด้วยตึกออฟฟิศ
ชื่อร้านคุณพลอยตั้งใจให้นึกถึงสำนวนภาษาอังกฤษอย่าง Shit Happens ที่มีความหมายประมาณว่า เรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นได้เสมอและบางครั้งเราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากปล่อยมันไป และเมื่อ Shit Happens ก็อยากให้ทุกคนนึกถึง Sip Happens
ภายในร้านตกแต่งด้วยสไตล์ Retro Futuristic ที่ให้กลิ่นอายย้อนยุคของโลกอนาคต สร้างบรรยากาศอบอุ่นด้วยไฟวอร์มไลต์ที่อาบอยู่ทั่วร้านและยังทำให้โซฟาหนังนุ่มๆ สีน้ำตาลอ่อนของร้านน่านั่งมากยิ่งขึ้น
เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของ Sip Happens จะทวิสต์มาจากค็อกเทลคลาสสิก แก้วที่น่าสนใจ ได้แก่ Sip Mellow (430 บาท) ทวิสต์มาจากคลาสสิกค็อกเทลอย่าง Hugo ใช้จินเป็นส่วนผสมหลัก เพิ่มความหอมหวานด้วยคอร์เดียลเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ เมลอนชรับ น้ำมะนาว และอัดแก๊สเพิ่มความซ่า เป็นเครื่องดื่มที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและดื่มง่าย เหมาะกับการจิบเป็นแก้วแรก
หรือจะเปิดด้วย Sip Guava’s Neck (430 บาท) ก็ได้เช่นกัน แก้วนี้ทวิสต์มาจาก Horse’s Neck เป็นค็อกเทลบรั่นดีแนวรีเฟรชชิง แต่ที่ร้านจะสร้างคาแร็กเตอร์ใหม่ด้วยการนำบรั่นดีไปซูวีกับชาเอิร์ลเกรย์ ดึงความฟรุ้ตตีของบรั่นดีให้ชัดขึ้นด้วยฝรั่งสีชมพู และตบด้วยความนุ่มซ่อนเผ็ดเล็กๆ ด้วยจิงเจอเอล เรายกให้แก้วนี้เป็นแก้วโปรด ด้วยรสชาติที่ดื่มง่าย เป็นดริงก์ใสๆ ที่ซ่อนคาแร็กเตอร์ซับซ้อน แนะนำให้ดื่มแล้วกินฝรั่งสดกับเจลลีชาเอิร์ลเกรย์ที่เสิร์ฟมาคู่กัน
ใครชอบดื่มน้ำมะเขือเทศหรือคลาสสิกค็อกเทลอย่าง Bloody Mary อาจจะลองสั่ง Sip Señorita (430 บาท) ที่ทวิสต์สูตรโดยนำเตกิลาไปซูวีกับโหระพาหวาน ส่วนน้ำมะเขือเทศนำไปอินฟิวส์กับซิตรัสเพื่อให้ดื่มง่าย จบด้วยซอสถั่วเหลืองที่ช่วยเชื่อมรสชาติของแก้วนี้ด้วยความอูมามิ
และยังมีแก้วสำหรับสายแข็งอย่าง Sip in Wild (470 บาท) ที่ทวิสต์มาจาก 50/50 Martini โดยเลือกใช้โรสแมรีเพื่อสร้างกลิ่นสมุนไพรที่มีความซับซ้อน แต่ยังเป็นกลิ่นที่ทุกคนคุ้นเคย หรือใครไม่ใช่สายแข็งแต่ถ้าอยากลองเปิดใจให้กับมาร์ตินีสักแก้ว Sip in Wild ก็ถือว่าไม่ท้าทายจนเกินไป
เวลาไปบาร์เราจะไม่ค่อยสนใจเมนู non-alcoholic drink เท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้หลายคนก็หันมาปาร์ตี้แบบไม่เน้นเมากันมากขึ้น รอบนี้เราเลยเปิดใจลองม็อกเทลที่เน้นใช้ชาและผลไม้หายากเป็นส่วนผสม แต่ละแก้วนอกจากจะหน้าตาน่ารักแล้วยังรสชาติดี คาแร็กเตอร์ชัด ชูส่วนผสมหลักได้ดีและเลือกจับคู่เพื่อสร้างมิติใหม่ๆ ได้อย่างน่าสนใจ ชิมแล้วต้องเอ่ยปากชมบาร์เทนเดอร์จริงๆ ส่วนของกินที่ร้านมีทั้งทอดอย่าง ไก่คาราเกะ เฟรนช์ฟราย รวมถึงชีสบอร์ดทั้งไซซ์ใหญ่และจัดใส่แก้วแบบน่ารักๆ สำหรับคนที่สั่งไวน์