ซูชิสายพาน หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า ไคเต็นซูชิ หรือ Kaiten Sushi มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1958 โดย Mawaru Genroku Sushi ในโอซาก้า เป็นร้านแรกที่เริ่มต้นทำซูชิสายพาน ที่ออกแบบโดย Yoshiaki
Shiraishi ที่ได้ไอเดียมาจากสายพานลำเลียงในโรงงานเบียร์ และได้เริ่มประดิษฐ์สายพานติดเคาน์เตอร์อาหารขึ้นมา หลังจากนั้นก็ทำให้ Mawaru Genroku Sushi เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และขยายสาขาได้มากถึง 200 สาขา ภายในปี 1970 ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเรื่องพนักงานได้
Genki Sushi ถือเป็นแบรนด์ซูชิสายพานเจ้าแรกจากประเทศญี่ปุ่นที่มาเปิดให้บริการในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2000 แต่ถอนตัวไปในปี 2006 ก่อนที่จะกลายเป็น Sushi Den ซูชิสายพานแบรนด์ไทยที่เข้ามาครอบครองตลาดนี้แทนในปี 2010 ซึ่ง Genki Sushi มีความพยายามที่จะกลับมาอีกครั้งในปี 2013 แต่ถอนตัวไปก่อน จนกระทั่งปี 2015 แบรนด์ซูชิสายพานสัญชาติไต้หวัน Sushi Express ก็ได้มาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่
ในปี 2021 ตลาดซูชิสายพานเติบโตถึงขีดสุด เมื่อ Sushiro แบรนด์ซูชิสายพานญี่ปุ่นรายใหญ่เข้ามาเปิดสาขาแรกที่ centralwOrld และขยายสาขาออกไปมากที่สุดถึง 35 สาขา ต่อมาปี 2022 Sushi Plus แบรนด์พรีเมียมในเครือ Sushi Express เปิดให้บริการ และล่าสุด ปี 2024 การกลับมาของ Genki Sushi ในรอบที่ 3 ภายใน centralwOrld และล่าสุดการมาถึงของ Katsu Midori Sushi แบรนด์ระดับพรีเมียมจากโตเกียว ทื่สร้างปรากฎการณ์รอคิวกินซูชินานที่สุดในประเทศไทยไปแล้ว
กลับมาเปิดในประเทศไทยอีกครั้งที่ชั้น 5 centralwOrld ซูชิสายพานจากญี่ปุ่นเจ้าแรกในไทย จุดเด่นอยู่ที่การใช้ Kousoku Train รถไฟความเร็วสูงเพื่อเสิร์ฟซูชิถึงโต๊ะลูกค้า ทำให้มั่นใจได้ว่าซูชิทุกคำปั้นใหม่ในร้าน มีเมนูซูชิ ซาชิมิ และอาหารอื่นๆ รวม 130 รายการ ราคาเริ่มต้นที่ 39 บาท
Genki Sushi ชั้น 5 centralwOrld
ร้านซูชิสายพานสัญชาติไทยที่นำเข้าวัตถุดิบสดใหม่จากตลาดปลาในประเทศญี่ปุ่น มีมากกว่า 10 สาขา แต่ซูชิสายพานมีให้บริการเพียง 3 สาขา ได้แก่ ชั้น 7 centralwOrld, ชั้น 6 ICONSIAM และชั้น 2 Mega Bangna มีซาซิมิ และซูชิ ให้เลือกมากกว่า 70 รายการ ราคาเริ่มต้น 29 บาท
Sushi Den 3 สาขา
ซูชิสายพานที่มีสาขาทั่วกรุงเทพฯ มากินคนเดียวได้เหมือนกัน แถมจะได้โต๊ะใหญ่ด้วย คนที่เคยมาน่าจะคุ้นเคยกับซูชิโระ ราคาเริ่มต้นที่ 40 บาท เลือกกินได้ตามสีและวัตถุดิบ พร้อมด้วยวัตถุดิบประจำฤดูกาล แต่ The best ของที่นี่เรายกให้ซูชิไก่ทอด
แบรนด์ซูชิสายพานจากไต้หวัน ที่มีสาขามากกว่า 600 แห่ง ทั่วโลก โดย Sushi Express เป็นแบรนด์ซูชิสายพานราคาประหยัด ราคาเริ่มต้นที่ 30 บาท หยิบได้จากสายพานเท่านั้น และมี 9 สาขา ทั่วประเทศ ได้แก่ ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ชั้น G, เอสพลานาดรัชดาฯ ชั้น B, เซ็นทรัล ชลบุรี ชั้น G, ซีคอน บางแค ชั้น 4, โลตัส สุขาภิบาล 3, โลตัส พระราม 4 ชั้น 1, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ชั้น 6, โลตัสบางบ่อ ชั้น 2 และ เซ็นทรัล ศาลายา
Sushi Express 9 สาขา
ร้านในเครือเดียวกันกับ Sushi Express เป็นเวอร์ชันที่พรีเมียมขึ้น ทั้งวัตถุดิบและเมนูที่หลากหลายมากกว่า ราคาเริ่มต้น 30 บาท และมีราคาพรีเมียม 60–90 บาท มีระบบการสั่ง 2 แบบ เมนูทั่วไปหยิบจากสายพานได้เลย ส่วนเมนูพิเศษสั่งได้ทาง QR Code โดยมีรถไฟชินคังเซ็นมาส่งถึงโต๊ะ มีสาขาทั้งหมด 10 แห่ง ได้แก่ สยามพรีเมียมเอาท์เลต กรุงเทพ,เมกาบางนา โซน เมกา ฟู้ดวอล์ค, เซ็นทรัล เวสต์เกต ชั้น 3, แฟชั่น ไอส์แลนด์ ชั้น B, เทอมินอล 21 พระราม 3 ชั้น 2, เซ็นทรัล พระราม 3 ชั้น 5, เซ็นทรัล รามอินทรา ชั้น 3, เทอร์มินอล 21 พัทยา ชั้น 3,ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ ชั้น 4 และเทอร์มินอล 21 อโศก ชั้น 5
แลนด์ดิ้งมาลงกรุงเทพมหานครเรียบร้อยแล้ว กับ Katsu Midori Sushi ร้านซูชิสายพานที่ฮิตมากๆ ในโตเกียว ซึ่งตอนนี้เขามาเปิดสาขาแรกในไทยกันที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
ถ้าใครเคยไปโตเกียวจะรู้ดีว่าร้าน Katsu Midori คือหนึ่งในร้านซูชิสายพานที่คิวยาวที่สุดแบรนด์หนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะสาขาที่ Shibuya ด้วยราคาที่ย่อมเยา วัตถุดิบที่สดใหม่ และจุดเด่นของบรรยากาศสุดคึกคักที่มีทั้งการประกาศเลขโต๊ะที่สั่งของแพงใส่ไมโครโฟน และช่วงนาทีทองที่เชฟจะปั้นซูชิเกรดพรีเมียมออกมาขายในราคาโปรโมชั่น ส่วน Midori Sushi ที่โตเกียวจะแยกออกมาเป็นอีกหนึ่งร้าน และเน้นเสิร์ฟซูชิแบบเซ็ตเท่านั้น
สำหรับสาขาแรกในไทย จะเป็นการรวมเอา Katsu Midori และ Midori Sushi มาไว้ในที่เดียว ภายใต้ชื่อร้าน Katsu Midori Sushi แบ่งที่นั่งออกเป็นโซนซูชิสายพาน และโซนทานซูชิปั้นมือที่เราจะได้ทานซูชิแบบคำต่อคำจากเชฟที่หน้าเคาน์เตอร์ ตรงกลางร้านจะเป็นเคาน์เตอร์ซูชิขนาดใหญ่ที่เชฟจะคอยเอนเตอร์เทนแขกทุกโต๊ะผ่านไมโครโฟน
ใครที่เลือกนั่งตรงโซนสายพานจะสามารถสั่งซูชิได้จากแท็บเล็ต ซึ่งสามารถสั่งแบบเป็นคำเดี่ยวและซูชิแบบเซ็ตได้ด้วย รวมถึงสามารถเลือกหยิบเอาจากสายพานที่วิ่งผ่านด้านข้างโต๊ะได้เลย ราคาก็จะสังเกตได้จากสีจานที่เริ่มต้นด้วยราคา 40 บาท และแพงสุดที่ 180 บาท ส่วนเมนูพิเศษอย่างอิคุระหน้าล้นก็สามารถสั่งแยกได้เช่นกัน