ชวนไปรับบทนักเดินทาง ตีตั๋วทัวร์รอบโลกทิพย์ที่ Tripper New Road บาร์เปิดใหม่ย่านตลาดน้อยจากทีม To More บาร์ไซซ์มินิธีมโรงละครในย่านเดียวกันที่ตอนนี้กลายเป็นจุดนัดพบของคนรักเสียงเพลงและโชว์ดีๆ ในทุกค่ำคืนไปแล้ว และบาร์ใหม่แห่งนี้ก็น่าจะตามรอยไปติดๆ
Tripper New Road เปรียบเสมือนพื้นที่สำหรับคนที่อยากหลบหนีจากความวุ่นวายทั้งปวงแล้วออกไปใช้ชีวิตตามที่ใจต้องการ ดีไซน์และการตกแต่งร้านจึงมาในธีมชานชาลารถไฟต่างประเทศ รายล้อมด้วยองค์ประกอบที่ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาดีๆ ตอนไปเที่ยวต่างประเทศ (แค่นี้บางคนก็อาจจะแอบยิ้มในใจแล้ว)
เริ่มตั้งแต่ประตูร้านที่ตั้งใจออกแบบให้เหมือนประตูรถไฟในนิวยอร์ก ผนังร้านที่ถอดแบบมาจากโบกี้รถไฟ โซนบาร์ที่หน้าตาคล้ายร้านขายของตามสถานีรถไฟ เวทีที่ดูเหมือนห้องขายตั๋ว ไม่เว้นแม่แต่ทางเข้าห้องน้ำที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชานชาลารถไฟใต้ดินของลอนดอน
คำว่า New Road จากชื่อร้าน แปลได้ทั้งเส้นทางใหม่ๆ ที่รอทุกคนอยู่ เพียงเริ่มออกเดินทางจากชานชาลา (บาร์) แห่งนี้ และยังมีที่มาที่ถือเป็นเกร็ดความรู้สำหรับคนรุ่นใหม่ นั่นก็คือ New Road คือชื่อเดิมของถนนเจริญกรุง ที่ตั้งของร้าน
To More คือบาร์ที่ทุกคนไว้ใจเรื่องดนตรีได้ Tripper New Road ก็จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เพราะทุกวงผ่านการคัดเลือกโดยทีมเดียวกัน และเพื่อให้เข้ากับธีมร้าน Tripper New Road จะมีโชว์เปิดตั้งแต่หัววันที่ได้ไอเดียมาจาก one man show ตามสถานีรถไฟใต้ดินในต่างประเทศ ถือเป็นจุดเด่นของร้าน เพราะบาร์ที่มีดนตรีสดส่วนมากก็จะเริ่มโชว์ตอนดึกๆ เช่นเดียวกัน พอจบจาก one man show ดึกๆ ที่นี่ก็มีโชว์ full band ให้ดูอีกรอบ แนวเพลงแต่ละวันจะไม่ซ้ำกัน มีตั้งแต่แจ๊ส ป็อป โซล ฟังก์ ร็อก ให้กลิ่นอายเดียวกับ To More
ชานชาลามาสมจริงขนาดนี้ ถ้าไม่พูดถึงจุดหมายปลายทางก็คงไม่ได้ ร้านเลยนำเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมทั่วโลกมาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ค็อกเทลซิกเนเจอร์ ได้แก่ สมุย ลอนดอน บาหลี ปารีส โอซากา เกียวโต ซานฟรานซิสโก กรุงเทพฯ นิวยอร์ก รีโอเดจาเนโร โดยแต่ละแก้วจะมีวัตถุดิบที่ทำให้นึกถึงสถานที่นั้นๆ เป็นส่วนผสม
จุดหมายปลายทางแรก เราไปที่ สมุย (340 บาท) ค็อกเทลเบสจินที่มีกลิ่นใบเตยเพื่อสื่อถึงความเป็นไทยและชายหาด เพิ่มความทรอปิคัลด้วยเพียวเร่ลิ้นจี่ ต่อที่ โอซากา (380 บาท) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมของญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยส่วนผสมที่ให้กลิ่นอายญี่ปุ่น ทั้งจินญี่ปุ่น ส้มยูสุ และโฮจิฉะที่เป็นตัวให้กลิ่นหลักของแก้วนี้
จากเอเชียข้ามไปยุโรปกับ ปารีส (420 บาท) ค็อกเทลสีแดงสื่อถึงความโรแมนติกของเมืองนี้ ใช้วิสกี้เป็นเบส ผสมกับน้ำเชื่อมทับทิมโฮมเมดสื่อถึงรถเข็นขายน้ำทับทิมที่พบเจอได้ทั่วไปในย่านเยาวราช ตลาดน้อย ต่อด้วยอเมริกาที่ ซานฟรานซิสโก (360 บาท) ค็อกเทลเบสวิสกี้ที่มีส่วนผสมของซอสบาร์บีคิว วัฒนธรรมการกินอันโดดเด่นของอเมริกา ตัดความเค็มด้วยรสเปรี้ยวละมุนๆ ของวัตถุดิบที่ใช้ในบาร์บีคิวอย่างมะเขือเทศและสับปะรด กลับมาแลนดิ้งที่ กรุงเทพฯ (360 บาท) ค็อกเทลสไตล์โอลด์แฟชั่นที่เพิ่มความเป็นไทยด้วยน้ำเชื่อมข้าวเหนียวมะม่วงและกลิ่นหอมของใบเนียม