ใกล้ช่วงเวลาเทศกาลปลายปีเข้ามาทุกที แนะนำว่าหากใครกำลังมองหาร้านอาหารริมน้ำ เพื่อชมพลุเฉลิมฉลองอาจจะต้องอัปเดตสถานการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง แต่ถ้าใครมีแพลนออกไปกินข้าวนอกบ้านพร้อมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาแบไม่ซีเรียสเรื่องพลุ บอกเลยว่ารีบจองด่วน โดยวันนี้ Friday ขอแนะนำร้านอาหารไฟน์ไดนิงริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 8 แห่ง ที่เหมาะกับการกินข้าวชมวิวแม่น้ำ ที่สามารถไปกินได้ในทุกเทศกาล


ร้านอาหารฝรั่งเศส 1 ดาวมิชลิน ที่ได้เชฟระดับตำนาน อลัง ดูคาส (Alain Ducasse) หนึ่งในผู้ครอบครองดาวมิชลินมากที่สุดคนหนึ่งมาเป็นที่ปรึกษา นำโดยเชฟ Wilfrid Hocquet กับอาหารฝรั่งเศสที่ใช้วัตถุดิบในประเทศไทยค่อนข้างเยอะ เสริมด้วยวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส ทำเมนูต่างจากดูคาสร้านอื่น มื้อกลางวัน 5 Courses ราคา 2,950++บาท และเทสติ้งเมนู Voyage ที่มีให้เลือกระหว่าง 5, 6 และ 8 Courses ราคา 3,950-7,500++บาท
Anne-Sophie Pic at Le Normandie เปรียบได้กับสวนดอกไม้ของเชฟหญิง Anne-Sophie Pic และ Tamaki Kobayashi เฮดเชฟชาวญี่ปุ่นที่ทำงานกับเธอมาอย่างยาวนาน มาช่วยกันนำเสนอรสชาติอาหารฝรั่งเศสสุดละมุน เธอยังปรับบรรยากาศสุดคลาสสิกของร้านเดิมแทนที่ด้วยความร่วมสมัยและลวดลายที่อ่อนช้อย รวมถึงใส่สิ่งที่เธอชื่นชอบอย่างดอกไม้ เข้ามาในเอเลเมนต์ต่างๆ ทำให้ที่นี่กลายเป็นสวนดอกไม้เหมือนกับที่ร้านต้นฉบับของเธอมีสวนดอกไม้รายล้อมร้าน
เราว่าสิ่งที่เชฟ Anne-Sophie นำเข้ามาให้กับที่นี่ก็คือ รสชาติอาหารฝรั่งเศสอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเกิดขึ้นจากประสบการณ์ในชีวิตของเธอ ทั้งการเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยว รวมถึงมาทำคอลแลปมื้ออาหารที่ Le Normandie เมื่อหลายปีก่อน นอกจากนี้การใช้ชีวิตในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนในประเทศญี่ปุ่นยาวนานกว่าครึ่งปี ก็ทำให้เธอหลงใหลในรสชาติของทั้งอาหารญี่ปุ่นและไทย ซึ่งถูกนำมาใช้จริง
ใครได้มาชิมอาหารมื้อนี้เราเชื่อว่าน่าจะสัมผัสได้ถึงอิทธิพลของรสชาติแบบญี่ปุ่นในอาหารฝรั่งเศสของเธอ ซึ่งไม่ได้มาจากเชฟ Tamaki แต่เป็นตัวเธอเองที่ได้ติดตัวมาจากประสบการณ์ของเธอเอง
ที่นี่ให้บริการอาหารอลาคาร์ต นอกจากนี้ยังมีเซตเมนูสำหรับมื้อกลางวัน 3 คอร์ส ราคา 4,500++บาท และเมนู Voyage 7 คอร์ส สำหรับมื้อค่ำ ราคา 9,000++บาท เราได้ชิมทั้งหมด 5 เมนู ซึ่งหลายจานเป็นซิกเนเจอร์ของเชฟ Anne-Sophie


ฤดูใบไม้ผลิมาถึงทีไร ก็จะมีวัตถุดิบประจำฤดูกาลชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมมากในร้านอาหารยุโรป นั่นคือ ‘หน่อไม้ฝรั่ง’ (Asparagus) และปีนี้ Palmier by Guillaume Galliot ห้องอาหารฝรั่งเศสริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ Four Seasons Hotel Bangkok ก็ชวนไปลิ้มรสชาติประจำฤดูกาลด้วยเมนูพิเศษที่ใช้หน่อไม้ฝรั่งเป็นวัตถุดิบหลัก
.
ความพิเศษของเมนูนี้คือการใช้หน่อไม้ฝรั่งขาว (White Asparagus) นำเข้าจากแคว้นวาล เดอ ลัวร์ (Val de Loire) ประเทศฝรั่งเศส ที่มีรสชาติรสชาติหวานหอมเป็นเอกลักษณ์และเป็นวัตถุดิบหายาก นำมาปรุงเป็นอาหาร 4 อย่าง ได้แก่
.
‘หน่อไม้ฝรั่งขาวเวลูเตกับโฟมเบคอนและส้มสด’ (980 บาท) ซอสเวลูเตเนื้อเนียนที่ทำจากหน่อไม้ขาว รสหวาน หอมละมุน ตัดด้วยรสชาติของโฟมเบคอนนุ่มฟูที่อยู่กลางจานและมีความสดชื่นจากเนื้อส้มสด ‘หน่อไม้ฝรั่งขาวกับหอยตลับฝรั่งเศสและซอสครีมผักชีลาว’ (1,280 บาท) หน่อไม้ฝรั่งขาวจับคู่กับวัตถุดิบจากท้องทะเลอย่างหอยตลับฝรั่งเศสและหอยแมลงภู่ เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมยั่วน้ำลายด้วยซอสครีมผักชีลาว
.
‘หน่อไม้ฝรั่งขาวกับเห็ดมอเรลและโพเลนตาถั่วลันเตาเขียว’ (1,480 บาท) เป็นจานที่ชูเอกลักษณ์ของวัตถุดิบจากพื้นดินได้เป็นอย่างดีทั้งรสชาติ กลิ่น และรสสัมผัส โดยที่ทั้งหมดนั้นถูกเชื่อมไว้ด้วยความครีมมี นุ่มนวล และ ‘หน่อไม้ฝรั่งขาวตุ๋นสไตล์โพรวองซ์กับซอสมูสเซอลีน’ (1,480 บาท) หน่อไม้ฝรั่งขาวตุ๋นอย่างพิถีพิถันจนเนื้อนุ่ม ราดด้วยซอสมูสเซอลีนเนื้อละมุนลิ้นและหนักแน่นในรสชาติ
.
นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งจานที่ใช้หน่อไม้ฝรั่งเขียวเป็นวัตถุดิบ นั่นคือ ‘หน่อไม้ฝรั่งเขียวกับเห็ดมอเรลแฮมแห้ง มินต์ และซอสไวน์เหลือง’ (1,680 บาท) หน่อไม้ฝรั่งเขียวเนื้อแน่นกำลังดี เคี้ยวกรุบ เสิร์ฟพร้อมเห็ดมอเรล แฮมแห้ง ทำให้มีรสสัมผัสที่หลากหลาย เพิ่มรสชาติและกลิ่นด้วยมินต์และซอสไวน์เหลือง
.
เมนูหน่อไม้ฝรั่งทั้ง 5 อย่าง ได้รับเกียรติจากเชฟ Guillaume Galliot เชฟผู้ดูแลสูตรอาหารให้กับ Palmier by Guillaume Galliot ซึ่งปัจจุบันประจำการอยู่ที่ Caprice ห้องอาหารระดับมิชลิน 3 ดาวที่โรงแรม Four Seasons Hong Kong เดินทางมาเข้าครัวเองระหว่างวันที่ 25-27 เมษายนที่ผ่านมา แต่ถึงเชฟจะกลับไปแล้วทุกคนก็ยังสามารถสั่งเมนูประจำฤดูกาลได้จนถึงวันที่ 30 เมษายนนี้
.
หรือจะลองสั่งอาหารอย่างอื่นที่ร้านก็มีจานแนะนำอย่าง ทาร์ทาร์เนื้อที่จะมาปรุงก่อนเสิร์ฟถึงโต๊ะ หอยทากอบกระเทียมและเนยผสมพาร์สลีย์ รวมถึงจานซิกเนเจอร์ของเชฟ Guillaume Galliot ซึ่งเป็นจานขายดีประจำห้องอาหารอย่าง My Hot & Cold Onion Soup ซุปหัวหอมที่เสิร์ฟในรูปแบบไอศครีม มาพร้อมกับมาร์มาเลด ขนมปัง และพาร์เมซานชีส และจานหลักอย่างสเต็กเนื้อวากิวออสเตรเลียคู่กับเฟรนช์ฟรายและซอสเบอาร์แนส
.
ห้องอาหาร Palmier by Guillaume Galliot อยู่ที่โรงแรม Four Seasons Hotel Bangkok ร้านเปิดทุกวัน 2 ช่วงเวลา ได้แก่ มื้อกลางวัน 11:30-14:30 และมื้อเย็น 18:00-22:30

ห้องอาหารมิชลิน 2 ดาว ของโรงแรม Capella Bangkok ที่ได้เชฟ Mauro Colagreco เชฟเจ้าของร้าน Mirazur ร้านอาหารที่ดีที่สุดของโลกมาช่วยวางคอนเซปต์ โดยส่งมือขวา เชฟ Davide Garavaglia อดีตเชฟเดอคูซีนของมิราซูร์ มาประจำการในคอนเซปต์ Riviera to the River จากทะเลสู่แม่น้ำ





Okura Cruise เรือลำล่าสุดของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นำเสนอความแตกต่างเหมือนกำลังล่องเรือกินข้าวอยู่ในแม่น้ำสุมิดะใจกลางโตเกียว เนื่องจากดีไซน์เรือและคอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการเสิร์ฟมื้ออาหารไคเซกิและเทปปันยากิ
.
เริ่มตั้งแต่การต้อนรับภายในเล้านจ์ของ Okura Cruise บริเวณท่าเรือของ Asiatique ภายในห้องที่ปูด้วยเสื้อทาทามิระหว่างรอขึ้นเรือ โดยเรือให้บริการทั้งหมด 2 รอบ รอบแรก "River of Gold" เรือออกเวลา 17:30 รอบนี้บริการเฉพาะเครื่องดื่มในช่วงเวลาพระอาทิตย์ยามเย็น ราคา 1,400++บาท ส่วนรอบ 2 "Symphony of River" เรือออกเวลา 19:15 รอบอาหารมื้อค่ำ ที่เลือกได้ระหว่าง Seasonal Kaiseki Set ราคา 4,600++บาท และ Teppanyaki Set ราคา 4,900++บาท
.
เราได้ลองล่องเรือทั้ง 2 ช่วงเวลา รอบแรกเราว่าประสบการณ์อยู่ที่การนั่งดื่มเรียกน้ำย่อยก่อนมื้ออาหาร และชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาบนเสื้อทาทามิที่ดาดฟ้าเรือ ในช่วงเย็นที่ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสีสันในแบบวานิลลาสกาย ส่วนรอบ 2 เหมาะสำหรับคนที่ตั้งใจมากินอาหารค่ำในบรรยากาศของเรือที่ดีไซน์จากการพับกระดาษแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า โอริกามิ ซึ่งเป็นตัวแทนของโลโก้แบรนด์ แถมภายในก็หรูหราเหมือนเอาร้านอาหารญี่ปุ่นมาใส่ไว้บนเรือ แยกเป็นโซนห้องอาหารใหญ่สำหรับมื้ออาหารไคเซกิ และห้องเทปปันยากิที่มีเตา 2 เตาไว้บริการ
.
สำหรับมื้ออาหารแบบเทปปันยากิและไคเซกิ ถือว่าเป็นเรือลำแรกที่ให้บริการในสไตล์นี้ ซึ่งเหมือนกับการบริการของห้องอาหาร Yamazato และ Teppanyaki Sazanka เราได้ลองเทปปันยากิ มีความคล้ายกับที่โรงแรม The Okura Prestige Bangkok แต่ไม่ได้มีไฟลุกโชนบนเตา เพื่อความปลอดภัยของการเดินทางด้วยเรือ
.
เริ่มด้วย Otsukuri ที่เชฟนำเอาปลาเกรดซาซิมิจากตลาดปลาโทโยสุมาใช้ เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ตามด้วย Chawanmushi ไข่ตุ๋นที่มีรสชาติด้วยดาชิ อูนิและกุ้งซากุระ ส่วนเมนคอร์สจะมีให้เลือกระหว่าง Baba Wagyu Sirlion A5 และ Seafood โดยอาหารทะเลจะมีปลาและกุ้งล็อบสเตอร์ ก่อนจบด้วยข้าวผัดกระเทียมที่มาพร้อมซุปและผักดอง ส่วนของหวานเป็นผลไม้รวมกับเจลลีน้ำผึ้ง
.
หลังมื้ออาหารเราสามารถย้ายขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าเรือชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และสั่งเครื่องดื่มนั่งชิลได้จนถึงท่าเรือ Asiatique ข้อดีของ Okura Cruise ก็คือมีรอบเย็น ถ้าใครอยากชมวิวก็ใช้เวลาไม่นาน
.
Okura Cruise บริเวณท่าเรือของ Asiatique
"River of Gold" เรือออกเวลา 17:30 และ "Symphony of River" เรือออกเวลา 19:15


ห้องอาหารอิตาเลียนของโรงแรม Four Seasons Bangkok ที่ถูกออกแบบวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้คล้ายกับทะเลสาบโคโม่ในอิตาลี โดยจุดเด่นของอาหารอยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลที่คงความสดใหม่แบบคนอิตาเลียน ล่าสุดเมนูพิซซ่าได้รับความนิยมค่อนข้างมาก หลังจากที่เชฟ ทำโอมากาเสะพิซซ่านั่งอยู่หน้าเตาพิซซ่ากินเมนูพิซซ่าที่เสิร์ฟแบบตามใจเชฟ


แม้ว่าจะทำได้ดีกว่าเชฟคนเดิมของ Le Normandie แต่เมื่อเบอร์ใหญ่มาเขาก็ตัองหลีกทางให้ ฟังดูเหมือนเขามือไม่ถึงแต่ไม่ใช่เลย Alex Dilling ได้รับโจทย์ใหม่ที่ยากไม่แพ้กันที่ Lord Jim’s ของโรงแรม Mandarin Oriental, Bangkok ใช่ที่นี่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากกับบุฟเฟ่ต์ แต่การเข้ามาปรับเมนูอลาคาต ในแบบ Provençal ฝรั่งเศสตอนใต้ ผสานกับกลิ่นอายของอาหารเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อดึงคนกินอีกกลุ่มเป็นเรื่องที่หนักเอาเรื่องทีเดียว

คนรักอาหารจีนเตรียมเช็กอิน! เพราะห้องอาหารในตำนานอย่าง Silver Waves ที่โรงแรม Chatrium Riverside Bangkok กลับมาเปิดอีกครั้งแล้วในชื่อใหม่ ‘Silver Waves by Boon’ หลังได้เชฟมือทองคนใหม่อย่าง เชฟ Ho Chee Boon มาร่วมออกแบบเมนูและควบตำแหน่งเฮดเชฟของภัตตาคารอาหารจีนแห่งนี้
เชฟ Ho Chee Boon มีชื่อเสียงจากการทำงานในร้านอาหารจีนระดับมิชลินสตาร์ในซานฟรานซิสโก โดดเด่นด้วยอาหารจีนกวางตุ้งแบบร่วมสมัยที่ผสมผสานเอาทั้งตำรับการทำอาหารจีนแบบดั้งเดิมที่ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันสำคัญ มาปรับให้เข้ากับเทสต์ของคนสมัยใหม่ด้วยวัตถุดิบระดับพรีเมียมส่งตรงจากทั่วโลกและเทคนิคการทำอาหารแบบครัวตะวันตก พร้อมการตีความอาหารกวางตุ้งใหม่ ให้ออกมาเป็นจานที่มีความเฉพาะตัวสำหรับเสิร์ฟที่ห้องอาหาร Silver Waves แห่งนี้เท่านั้น