8  ร้านอาหารไฟน์ไดนิงริมน้ำ
8 ร้านอาหารไฟน์ไดนิงริมน้ำ | Photo: Okura Cruise

8 ร้านอาหารไฟน์ไดนิงริมน้ำ นั่งกิน ชมวิว ได้ทุกเทศกาล

แนะนำร้านอาหารไฟน์ไดนิงริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 8 แห่ง ที่เหมาะกับการกินข้าวชมวิวแม่น้ำ ที่สามารถไปกินได้ในทุกเทศกาล

31 ต.ค. 2568

ใกล้ช่วงเวลาเทศกาลปลายปีเข้ามาทุกที แนะนำว่าหากใครกำลังมองหาร้านอาหารริมน้ำ เพื่อชมพลุเฉลิมฉลองอาจจะต้องอัปเดตสถานการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง แต่ถ้าใครมีแพลนออกไปกินข้าวนอกบ้านพร้อมบรรยากาศริมแม่น้ำเจ้าพระยาแบไม่ซีเรียสเรื่องพลุ บอกเลยว่ารีบจองด่วน โดยวันนี้ Friday ขอแนะนำร้านอาหารไฟน์ไดนิงริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 8 แห่ง ที่เหมาะกับการกินข้าวชมวิวแม่น้ำ ที่สามารถไปกินได้ในทุกเทศกาล


Blue by Alain Ducasse

เจริญนคร

fine dining course in Iconsiam
fine dining course in Iconsiam
Blue by Alain Ducasse | Photo: Blue by Alain Ducasse

ร้านอาหารฝรั่งเศส 1 ดาวมิชลิน ที่ได้เชฟระดับตำนาน อลัง ดูคาส (Alain Ducasse) หนึ่งในผู้ครอบครองดาวมิชลินมากที่สุดคนหนึ่งมาเป็นที่ปรึกษา นำโดยเชฟ Wilfrid Hocquet กับอาหารฝรั่งเศสที่ใช้วัตถุดิบในประเทศไทยค่อนข้างเยอะ เสริมด้วยวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส ทำเมนูต่างจากดูคาสร้านอื่น มื้อกลางวัน 5 Courses ราคา 2,950++บาท และเทสติ้งเมนู Voyage ที่มีให้เลือกระหว่าง 5, 6 และ 8 Courses ราคา 3,950-7,500++บาท

Tue

12:00 - 22:00

2,950+ / คน

Anne-Sophie Pic at Le Normandie

เจริญกรุง

Anne-Sophie Pic at Le Normandie
Anne-Sophie Pic at Le Normandie | Photo: Bandit Phinyovadtanachip

Anne-Sophie Pic at Le Normandie เปรียบได้กับสวนดอกไม้ของเชฟหญิง Anne-Sophie Pic และ Tamaki Kobayashi เฮดเชฟชาวญี่ปุ่นที่ทำงานกับเธอมาอย่างยาวนาน มาช่วยกันนำเสนอรสชาติอาหารฝรั่งเศสสุดละมุน เธอยังปรับบรรยากาศสุดคลาสสิกของร้านเดิมแทนที่ด้วยความร่วมสมัยและลวดลายที่อ่อนช้อย รวมถึงใส่สิ่งที่เธอชื่นชอบอย่างดอกไม้ เข้ามาในเอเลเมนต์ต่างๆ ทำให้ที่นี่กลายเป็นสวนดอกไม้เหมือนกับที่ร้านต้นฉบับของเธอมีสวนดอกไม้รายล้อมร้าน

เราว่าสิ่งที่เชฟ Anne-Sophie นำเข้ามาให้กับที่นี่ก็คือ รสชาติอาหารฝรั่งเศสอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเกิดขึ้นจากประสบการณ์ในชีวิตของเธอ ทั้งการเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยว รวมถึงมาทำคอลแลปมื้ออาหารที่ Le Normandie เมื่อหลายปีก่อน นอกจากนี้การใช้ชีวิตในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนในประเทศญี่ปุ่นยาวนานกว่าครึ่งปี ก็ทำให้เธอหลงใหลในรสชาติของทั้งอาหารญี่ปุ่นและไทย ซึ่งถูกนำมาใช้จริง

ใครได้มาชิมอาหารมื้อนี้เราเชื่อว่าน่าจะสัมผัสได้ถึงอิทธิพลของรสชาติแบบญี่ปุ่นในอาหารฝรั่งเศสของเธอ ซึ่งไม่ได้มาจากเชฟ Tamaki แต่เป็นตัวเธอเองที่ได้ติดตัวมาจากประสบการณ์ของเธอเอง

ที่นี่ให้บริการอาหารอลาคาร์ต นอกจากนี้ยังมีเซตเมนูสำหรับมื้อกลางวัน 3 คอร์ส ราคา 4,500++บาท และเมนู Voyage 7 คอร์ส สำหรับมื้อค่ำ ราคา 9,000++บาท เราได้ชิมทั้งหมด 5 เมนู ซึ่งหลายจานเป็นซิกเนเจอร์ของเชฟ Anne-Sophie


Palmier by Guillaume Galliot

เจริญกรุงฝั่งใต้

French cuisine in Charoen Krung
French cuisine in Charoen Krung
Palmier by Guillaume Galliot | Photo: Tanisorn Vongsoontorn

ฤดูใบไม้ผลิมาถึงทีไร ก็จะมีวัตถุดิบประจำฤดูกาลชนิดหนึ่งที่เป็นที่นิยมมากในร้านอาหารยุโรป นั่นคือ ‘หน่อไม้ฝรั่ง’ (Asparagus) และปีนี้ Palmier by Guillaume Galliot ห้องอาหารฝรั่งเศสริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ Four Seasons Hotel Bangkok ก็ชวนไปลิ้มรสชาติประจำฤดูกาลด้วยเมนูพิเศษที่ใช้หน่อไม้ฝรั่งเป็นวัตถุดิบหลัก

.

ความพิเศษของเมนูนี้คือการใช้หน่อไม้ฝรั่งขาว (White Asparagus) นำเข้าจากแคว้นวาล เดอ ลัวร์ (Val de Loire) ประเทศฝรั่งเศส ที่มีรสชาติรสชาติหวานหอมเป็นเอกลักษณ์และเป็นวัตถุดิบหายาก นำมาปรุงเป็นอาหาร 4 อย่าง ได้แก่

.

‘หน่อไม้ฝรั่งขาวเวลูเตกับโฟมเบคอนและส้มสด’ (980 บาท) ซอสเวลูเตเนื้อเนียนที่ทำจากหน่อไม้ขาว รสหวาน หอมละมุน ตัดด้วยรสชาติของโฟมเบคอนนุ่มฟูที่อยู่กลางจานและมีความสดชื่นจากเนื้อส้มสด ‘หน่อไม้ฝรั่งขาวกับหอยตลับฝรั่งเศสและซอสครีมผักชีลาว’ (1,280 บาท) หน่อไม้ฝรั่งขาวจับคู่กับวัตถุดิบจากท้องทะเลอย่างหอยตลับฝรั่งเศสและหอยแมลงภู่ เพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมยั่วน้ำลายด้วยซอสครีมผักชีลาว

.

‘หน่อไม้ฝรั่งขาวกับเห็ดมอเรลและโพเลนตาถั่วลันเตาเขียว’ (1,480 บาท) เป็นจานที่ชูเอกลักษณ์ของวัตถุดิบจากพื้นดินได้เป็นอย่างดีทั้งรสชาติ กลิ่น และรสสัมผัส โดยที่ทั้งหมดนั้นถูกเชื่อมไว้ด้วยความครีมมี นุ่มนวล และ ‘หน่อไม้ฝรั่งขาวตุ๋นสไตล์โพรวองซ์กับซอสมูสเซอลีน’ (1,480 บาท) หน่อไม้ฝรั่งขาวตุ๋นอย่างพิถีพิถันจนเนื้อนุ่ม ราดด้วยซอสมูสเซอลีนเนื้อละมุนลิ้นและหนักแน่นในรสชาติ

.

นอกจากนั้นยังมีอีกหนึ่งจานที่ใช้หน่อไม้ฝรั่งเขียวเป็นวัตถุดิบ นั่นคือ ‘หน่อไม้ฝรั่งเขียวกับเห็ดมอเรลแฮมแห้ง มินต์ และซอสไวน์เหลือง’ (1,680 บาท) หน่อไม้ฝรั่งเขียวเนื้อแน่นกำลังดี เคี้ยวกรุบ เสิร์ฟพร้อมเห็ดมอเรล แฮมแห้ง ทำให้มีรสสัมผัสที่หลากหลาย เพิ่มรสชาติและกลิ่นด้วยมินต์และซอสไวน์เหลือง

.

เมนูหน่อไม้ฝรั่งทั้ง 5 อย่าง ได้รับเกียรติจากเชฟ Guillaume Galliot เชฟผู้ดูแลสูตรอาหารให้กับ Palmier by Guillaume Galliot ซึ่งปัจจุบันประจำการอยู่ที่ Caprice ห้องอาหารระดับมิชลิน 3 ดาวที่โรงแรม Four Seasons Hong Kong เดินทางมาเข้าครัวเองระหว่างวันที่ 25-27 เมษายนที่ผ่านมา แต่ถึงเชฟจะกลับไปแล้วทุกคนก็ยังสามารถสั่งเมนูประจำฤดูกาลได้จนถึงวันที่ 30 เมษายนนี้

.

หรือจะลองสั่งอาหารอย่างอื่นที่ร้านก็มีจานแนะนำอย่าง ทาร์ทาร์เนื้อที่จะมาปรุงก่อนเสิร์ฟถึงโต๊ะ หอยทากอบกระเทียมและเนยผสมพาร์สลีย์ รวมถึงจานซิกเนเจอร์ของเชฟ Guillaume Galliot ซึ่งเป็นจานขายดีประจำห้องอาหารอย่าง My Hot & Cold Onion Soup ซุปหัวหอมที่เสิร์ฟในรูปแบบไอศครีม มาพร้อมกับมาร์มาเลด ขนมปัง และพาร์เมซานชีส และจานหลักอย่างสเต็กเนื้อวากิวออสเตรเลียคู่กับเฟรนช์ฟรายและซอสเบอาร์แนส

.

ห้องอาหาร Palmier by Guillaume Galliot อยู่ที่โรงแรม Four Seasons Hotel Bangkok ร้านเปิดทุกวัน 2 ช่วงเวลา ได้แก่ มื้อกลางวัน 11:30-14:30 และมื้อเย็น 18:00-22:30

Tue

11:30 - 22:30

2,500+ / คน

Côte by Mauro Colagreco

เจริญกรุงฝั่งใต้

Côte by Mauro Colagreco
Côte by Mauro Colagreco | Photo: Côte by Mauro Colagreco

ห้องอาหารมิชลิน 2 ดาว ของโรงแรม Capella Bangkok ที่ได้เชฟ Mauro Colagreco เชฟเจ้าของร้าน Mirazur ร้านอาหารที่ดีที่สุดของโลกมาช่วยวางคอนเซปต์ โดยส่งมือขวา เชฟ Davide Garavaglia อดีตเชฟเดอคูซีนของมิราซูร์ มาประจำการในคอนเซปต์ Riviera to the River จากทะเลสู่แม่น้ำ



Okura Cruise

ยานนาวา (พระราม 3)

Luxury dinner cruise in Bangkok
Luxury dinner cruise in Bangkok
Luxury dinner cruise in Bangkok
Luxury dinner cruise in Bangkok
Okura Cruise | Photo:

Okura Cruise เรือลำล่าสุดของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่นำเสนอความแตกต่างเหมือนกำลังล่องเรือกินข้าวอยู่ในแม่น้ำสุมิดะใจกลางโตเกียว เนื่องจากดีไซน์เรือและคอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการเสิร์ฟมื้ออาหารไคเซกิและเทปปันยากิ

.

เริ่มตั้งแต่การต้อนรับภายในเล้านจ์ของ Okura Cruise บริเวณท่าเรือของ Asiatique ภายในห้องที่ปูด้วยเสื้อทาทามิระหว่างรอขึ้นเรือ โดยเรือให้บริการทั้งหมด 2 รอบ รอบแรก "River of Gold" เรือออกเวลา 17:30 รอบนี้บริการเฉพาะเครื่องดื่มในช่วงเวลาพระอาทิตย์ยามเย็น ราคา 1,400++บาท ส่วนรอบ 2 "Symphony of River" เรือออกเวลา 19:15 รอบอาหารมื้อค่ำ ที่เลือกได้ระหว่าง Seasonal Kaiseki Set ราคา 4,600++บาท และ Teppanyaki Set ราคา 4,900++บาท

.

เราได้ลองล่องเรือทั้ง 2 ช่วงเวลา รอบแรกเราว่าประสบการณ์อยู่ที่การนั่งดื่มเรียกน้ำย่อยก่อนมื้ออาหาร และชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาบนเสื้อทาทามิที่ดาดฟ้าเรือ ในช่วงเย็นที่ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสีสันในแบบวานิลลาสกาย ส่วนรอบ 2 เหมาะสำหรับคนที่ตั้งใจมากินอาหารค่ำในบรรยากาศของเรือที่ดีไซน์จากการพับกระดาษแบบญี่ปุ่นที่เรียกว่า โอริกามิ ซึ่งเป็นตัวแทนของโลโก้แบรนด์ แถมภายในก็หรูหราเหมือนเอาร้านอาหารญี่ปุ่นมาใส่ไว้บนเรือ แยกเป็นโซนห้องอาหารใหญ่สำหรับมื้ออาหารไคเซกิ และห้องเทปปันยากิที่มีเตา 2 เตาไว้บริการ

.

สำหรับมื้ออาหารแบบเทปปันยากิและไคเซกิ ถือว่าเป็นเรือลำแรกที่ให้บริการในสไตล์นี้ ซึ่งเหมือนกับการบริการของห้องอาหาร Yamazato และ Teppanyaki Sazanka เราได้ลองเทปปันยากิ มีความคล้ายกับที่โรงแรม The Okura Prestige Bangkok แต่ไม่ได้มีไฟลุกโชนบนเตา เพื่อความปลอดภัยของการเดินทางด้วยเรือ

.

เริ่มด้วย Otsukuri ที่เชฟนำเอาปลาเกรดซาซิมิจากตลาดปลาโทโยสุมาใช้ เปลี่ยนไปตามฤดูกาล ตามด้วย Chawanmushi ไข่ตุ๋นที่มีรสชาติด้วยดาชิ อูนิและกุ้งซากุระ ส่วนเมนคอร์สจะมีให้เลือกระหว่าง Baba Wagyu Sirlion A5 และ Seafood โดยอาหารทะเลจะมีปลาและกุ้งล็อบสเตอร์ ก่อนจบด้วยข้าวผัดกระเทียมที่มาพร้อมซุปและผักดอง ส่วนของหวานเป็นผลไม้รวมกับเจลลีน้ำผึ้ง

.

หลังมื้ออาหารเราสามารถย้ายขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าเรือชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และสั่งเครื่องดื่มนั่งชิลได้จนถึงท่าเรือ Asiatique ข้อดีของ Okura Cruise ก็คือมีรอบเย็น ถ้าใครอยากชมวิวก็ใช้เวลาไม่นาน

.

Okura Cruise บริเวณท่าเรือของ Asiatique

"River of Gold" เรือออกเวลา 17:30 และ "Symphony of River" เรือออกเวลา 19:15

Tue

16:00 - 00:00

1,000+ / คน

Riva del Fiume

เจริญกรุงฝั่งใต้

Riva del Fiume
Riva del Fiume
Riva del Fiume | Photo: Riva del Fiume

ห้องอาหารอิตาเลียนของโรงแรม Four Seasons Bangkok ที่ถูกออกแบบวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้คล้ายกับทะเลสาบโคโม่ในอิตาลี โดยจุดเด่นของอาหารอยู่ที่การเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลที่คงความสดใหม่แบบคนอิตาเลียน ล่าสุดเมนูพิซซ่าได้รับความนิยมค่อนข้างมาก หลังจากที่เชฟ ทำโอมากาเสะพิซซ่านั่งอยู่หน้าเตาพิซซ่ากินเมนูพิซซ่าที่เสิร์ฟแบบตามใจเชฟ


Tue

12:00 - 14:30

1,500+ / คน

Alex Dilling at Lord Jim’s

เจริญกรุง

Alex Dilling at Lord Jim’s
Alex Dilling at Lord Jim’s
Alex Dilling at Lord Jim’s | Photo: Alex Dilling at Lord Jim’s

แม้ว่าจะทำได้ดีกว่าเชฟคนเดิมของ Le Normandie แต่เมื่อเบอร์ใหญ่มาเขาก็ตัองหลีกทางให้ ฟังดูเหมือนเขามือไม่ถึงแต่ไม่ใช่เลย Alex Dilling ได้รับโจทย์ใหม่ที่ยากไม่แพ้กันที่ Lord Jim’s ของโรงแรม Mandarin Oriental, Bangkok ใช่ที่นี่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากกับบุฟเฟ่ต์ แต่การเข้ามาปรับเมนูอลาคาต ในแบบ Provençal ฝรั่งเศสตอนใต้ ผสานกับกลิ่นอายของอาหารเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อดึงคนกินอีกกลุ่มเป็นเรื่องที่หนักเอาเรื่องทีเดียว


Silver Waves by Boon

เจริญกรุงฝั่งใต้

Silver Waves by Boon
Silver Waves by Boon | Photo: Tanisorn Vongsoontorn

คนรักอาหารจีนเตรียมเช็กอิน! เพราะห้องอาหารในตำนานอย่าง Silver Waves ที่โรงแรม Chatrium Riverside Bangkok กลับมาเปิดอีกครั้งแล้วในชื่อใหม่ ‘Silver Waves by Boon’ หลังได้เชฟมือทองคนใหม่อย่าง เชฟ Ho Chee Boon มาร่วมออกแบบเมนูและควบตำแหน่งเฮดเชฟของภัตตาคารอาหารจีนแห่งนี้

เชฟ Ho Chee Boon มีชื่อเสียงจากการทำงานในร้านอาหารจีนระดับมิชลินสตาร์ในซานฟรานซิสโก โดดเด่นด้วยอาหารจีนกวางตุ้งแบบร่วมสมัยที่ผสมผสานเอาทั้งตำรับการทำอาหารจีนแบบดั้งเดิมที่ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันสำคัญ มาปรับให้เข้ากับเทสต์ของคนสมัยใหม่ด้วยวัตถุดิบระดับพรีเมียมส่งตรงจากทั่วโลกและเทคนิคการทำอาหารแบบครัวตะวันตก พร้อมการตีความอาหารกวางตุ้งใหม่ ให้ออกมาเป็นจานที่มีความเฉพาะตัวสำหรับเสิร์ฟที่ห้องอาหาร Silver Waves แห่งนี้เท่านั้น


Tue

11:30 - 22:30

1,500+ / คน

SHARE

Link Copied!

ข่าวล่าสุด
logo
Follow us
About us

Careers

Contact us

Privacy Policy

Terms of use

Manage cookies