แบรนด์นี้จะเป็นซิสเตอร์แบรนด์ที่เจาะกลุ่มคนออฟฟิศที่แวะมากินข้าวในศูนย์การค้า ใช้เวลากินข้าวไม่มากในช่วงกลางวัน แต่มีเวลานั่งชิลในช่วงกลางคืน แบรนด์นี้จึงต่างจาก Fran’s ที่คงความเป็นร้าน Stand Alone สำหรับคนที่เวลานั่งชิลได้นานๆ
โดยเชฟชาลี กาเดอร์ และทีม Fran’s ได้วางคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่นี่ให้บริการมื้อเช้าผ่านอาหารและกาแฟแบบ Grab & Go อย่างแซนด์วิช และขนมปังอบสดใหม่ ส่วนมื้อกลางวันเป็นอาหารจานด่วน ก่อนจบด้วยมื้อค่ำกับเมนูพาสต้า สเต๊ก และไวน์ เหมาะที่จะมาชิลหลังเลิกงาน
เราได้ลองอาหารมื้อค่ำ Pancake velvet & bacon เมนูที่ปกติมาในแบบไข่ออมเลตกับเบคอนชิ้นโต แต่เชฟชาลีทำใหม่เป็นชิ้นพอดีคำ คล้ายไข่ม้วนกับแพนเค้ก ท็อปด้วยเบคอน เมนูเด็กอ้วนของเชฟชาลี Omelette with wolffia ไข่ออมเลตที่เชฟนำเอาซุปเปอร์ฟู้ดอย่างไข่ผำใส่เข้ามาในรูปของเนย มาพร้อมชีสสด นอกจากนี้ยังมีอาหารเรียกน้ำย่อยพอดีคำอย่าง Hamachi Tartare ฮามาจิทาร์ทาร์ปรุงกับทรัฟเฟิลท็อปมาบนมันฝรั่งอบ และ Culatello โคลด์คัตกับเมลอน เอาเข้าจริงแค่เมนูเหล่านี้ก็กินกับไวน์เป็นมื้อค่ำได้แล้ว
แต่ที่นี่ยังมี Stracciatella & Zucchini Salad สลัดซูกินีกับชีสที่มีรสชาติของแตงโมดองกับพิสตาชิโอมาเพิ่มสัมผัส ต่อด้วย Garganelli vodka sauce & katsuobushi พาสต้ากับซอสมะเขือเทศวอดก้าที่อบมาบนกระทะเหล็ก โรยด้วยปลาแห้งคัตสึโอะ และ Thai-wagyu hanger x au poivre sauce สเต๊กเนื้อกับซอสพริกไทยดำ
ส่วนตัวคิดว่าอาหารยังมีดีเอ็นเอของ Fran’s อย่างเด่นชัด แต่บรรยากาศและเมนูมีความต่างกันอยู่บ้าง โดยเฉพาะขนมปังอบสดใหม่และมุมกาแฟที่เราสามารถแวะมาซื้อได้แบบไวไว มุมเคานเตอร์บาร์ที่เหมาะกับคนออฟฟิศที่อยากมานั่งกินอาหารจานด่วนอย่างพาสต้าโฮมเมดที่ใช้เวลาช่วงพักเที่ยง