ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด หากคุณเป็นคนอินโทรเวิร์ตที่ชอบอยู่แต่ในโลกส่วนตัว เพราะเราเองก็เป็นอีกคนที่ไม่ชอบความอึกทึกคึกโครม หรือไปจอยปาร์ตี้เสียงดังวุ่นวายแต่อย่างใด และนั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนอินโทรเวิร์ตอย่างเราจะไม่อยากดื่มอยากดริ้งก์! เชื่อว่าทุกคนก็ต้องมีสักวันหนึ่งที่นึกอยากออกไปนั่งดื่มเงียบๆ คนเดียว หรือนัดเจอเพื่อนสนิทเแบบเป็นส่วนตัวกันบ้างแหละ
เพราะฉะนั้นเราขอปักหมุดพิกัดบาร์ไวบ์ดีรอบกรุงที่มาพร้อมบรรยากาศเงียบสงบ เป็นส่วนตัว มีมุมเงียบๆ ให้ได้ทิ้งตัวนั่งแบบไม่ต้องยุ่งกับใคร แต่ในขณะเดียวกันก็เสิร์ฟเครื่องดื่มคุณภาพดี ที่ไม่ว่าจะเป็น Introvert, Extrovert หรือ Multivert ก็ถูกใจแน่นอน
บาร์ค็อกเทลความจุประมาณ 20 ที่นั่ง เหมาะเป็นที่พักกายปล่อยใจ เพราะสร้างบรรยากาศด้วยแสงสลัวแค่พอส่องให้มองเห็นรายละเอียดร้านและเครื่องดื่ม และจุคนได้ประมาณ 20 คนเท่านั้นเอง ได้ฟีลเดียวกับค็อกเทลบาร์เงียบๆ ที่โตเกียว
สปีกอีซีค็อกเทลบาร์ที่อยากชวนเราไปนั่งโดดเดี่ยวด้วยกันให้สมกับชื่อร้าน ซึ่งถึงแม้เราจะไปคนเดียว แต่ที่ร้านนี้เขาก็จะมีที่นั่งให้คนอินโทรเวิร์ตอย่างเราได้หลบมุมเสมอ ในขณะเดียวกันทางร้านก็จะมีการเปิดเพลงเพราะๆ จากแผ่นเสียงยุคเก่าทั้งแนวแจ๊ซ ป๊อป และ lo-fi ให้ฟังเพลินๆ ยามจิบค็อกเทล และในบางวันบาร์ค็อกเทลแห่งนี้ก็จะมีอีเวนต์ไวบ์สนุกให้คนเหงาอย่างเราได้ร่วมจอยด้วย
บาร์ที่เหมาะสำหรับชาวสุขุมวิทที่อยากหาร้านนั่งชิลจิบเครื่องดื่ม พักผ่อนสงบๆ หลังจากเจอความวุ่นวายมาทั้งวัน โดยร้านนี้จะมาในฟีลบาร์หรูย่านกินซ่า และแสงไฟที่ชวนนึกถึงหนังของหว่องกาไว ส่วนความพิเศษของเครื่องดื่มที่นี่ คือการสกัดกลิ่นและรสชาติออกมาจากรากวัตถุดิบหลายๆ ตัว ก่อนจะผสมออกมาเป็นเครื่องดื่มที่มีเฉพาะที่ร้านนี้ที่เดียวเท่านั้น
หลังประตูไม้โบราณสุดลึกลับแต่ช่าง photogenic ของห้องแถวไซซ์หนึ่งคูหากลางซอยนานา เป็นที่ตั้งของจินบาร์แห่งแรกในประเทศไทยของบาร์เทนเดอร์ตัวตึงอย่าง ณิกษ์ อนุมานราชธน ที่เลือกขายเฉพาะ ‘เหล้าจิน’ ที่นำเข้ามาจากหลากหลายประเทศทั่วโลกมากกว่า 80 เลเบล พร้อมผสมเป็นคลาสสิกค็อกเทลอย่างจินแอนด์โทนิก หรือแม้แต่ครีเอตเป็นดริ้งก์ตัวใหม่ที่จะหมุนเวียนไปในทุกซีซั่น สามารถแวะไปนั่งจิบคนเดียวเก๋ๆ ที่หน้าบาร์ แล้วค่อยเดินไปฮ็อปปิงต่อที่บาร์ในละแวกใกล้เคียงได้เลย
ครีเอทีฟค็อกเทลบาร์ที่ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 4 ของร้าน Sarnies ที่สุขุมวิท ที่นี่เป็นสปีกอีซีบาร์ที่มีเหมาะสำหรับคนไม่ชอบสุงสิงกับใคร เพราะมีทั้งโซนที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์ โซนโซฟาติดกำแพง ไปจนถึงโซนเอาต์ดอร์และรูฟท็อปที่ไม่แออัด ทำให้เราสามารถนั่งเอ็นจอยความลึกล้ำของเครื่องดื่มตรงหน้าได้แบบไม่มีใครมากวนใจ
อีกหนึ่งบาร์ในบรรยากาศลึกลับและสลัวๆ ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนต้องถูกใจ เพราะที่นี่เหมาะกับคนชอบนัดพบปะคนสนิทในบรรยากาศเป็นกันเอง ทว่าก็ดูดีมีระดับในเวลาเดียวกัน อีกทั้งเมนูค็อกเทลและอาหารก็น่าสนใจไม่น้อย โดยทุกคนสามารถพูดคุยกับบาร์เทนเดอร์เพื่อให้เขาสร้างเครื่องดื่มตามอารมณ์ในวันนั้นๆ ของเราได้อีกด้วย หรือหากใครไม่อยากพูดคุยเลยก็จิ้มเลือกตามเมนูได้เหมือนกัน
พิกัดลับที่ชาวอารีย์เขารู้กัน เพราะตอนกลางคืนร้านนี้จะกลายร่างเป็นบาร์ค็อกเทลและบาร์เหล้าบ๊วยมู้ดดีเวอร์ โดยดีไซน์หลักของร้านนี้ คือเขานำเอาบรรยากาศความเหงาของคนญี่ปุ่นยุคปี 80s ที่เป็นที่มาของแนวเพลง Japanese Citypop มาใส่เข้าไปในมู้ดร้าน รวมถึงเพลย์ลิสต์และนำมาทำเป็นคอนเซ็ปต์ค็อกเทลด้วย! แถมยังมีโซนที่นั่งที่ทำเป็นสไตล์เก้าอี้รถไฟหันหลังชนกัน ซึ่งเหมาะมากๆ กับมนุษย์อินโทรเวิร์ตไม่อยากนั่งหันหน้าชนกับใคร
อีกหนึ่งบาร์เพลงแจ๊สที่นักดื่มโปรดปรานและขึ้นชื่อเรื่องคลาสสิกค็อกเทล แต่ถึงแม้ที่แห่งนี้จะเป็นที่นิยมไม่น้อย ทว่าหากคุณเลือกนั่งหน้าเคาน์เตอร์บาร์เพื่อหันหลังให้กับทุกสิ่ง (เราหมายถึงทางเข้าและผู้คนในร้าน) หรือเลือกโต๊ะที่นั่งชิดติดกำแพงซึ่งเหมาะกับการมาคนเดียวหรือสองสามคน เราเชื่อว่าคุณจะเอ็นจอยกับบรรยากาศและเครื่องดื่มจนอยากกลับมาบ่อยๆ เลยล่ะ
ถึงจะเป็นแจ๊ซบาร์ที่คนพลุกพล่าน แต่ด้วยความที่หลายคนมักจะใช้เวลาจดจ่อกับเครื่องดื่มและดนตรีมากกว่าคนข้างๆ เราเลยมั่นใจว่าบาร์ระดับโลกที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล แห่งนี้ ให้ฟีลเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวได้อย่างน่าประหลาดใจ เหมาะกับนักดื่มสายลึกที่อยากนั่งคนเดียวและดื่มด่ำกับบทเพลงเพราะๆ แบบไม่มีใครมาคอยกวนใจ
บาร์ที่โดดเด่นด้วยบรรยากาศสไตล์ขรึมๆ นิ่งๆ จากเฟอร์นิเจอร์ไม้ทั้งร้าน ผนังฝั่งที่เป็นกระจกถูกปิดด้วยม่านสีน้ำเงินทึบ ส่วนผนังด้านอื่นๆ ถูกเปลี่ยนเป็นชั้นสำหรับวางโหลแก้วบรรจุของแห้ง บางอย่างถูกนำมาใช้ทำค็อกเทลแล้ว ลูกค้าสามารถหยิบมาดมได้ ถ้าชอบก็สั่งกับบาร์เทนเดอร์ได้เลย แถมที่นี่ยังเป็นค็อกเทลบาร์ที่นำเอาคอนเซ็ปต์ของมื้ออาหารมาใช้ มาคนเดียวก็เหมือนมาดินเนอร์กับตัวเองผ่านค็อกเทลแก้วโปรดได้
แจ๊ซบาร์ในเครือร้าน To More ผู้นำความฮิปย่านตลาดน้อย ซึ่งพอมาเป็นร้านใหม่ก็มีสเปซใหญ่กว่าเดิม ไม่ต้องนั่งเบียดกันเหมือนร้านแรก แถมยังมีโต๊ะสำหรับนั่งคนเดียวให้ได้ดื่มด่ำกับโชว์บนเวทีที่ได้อินสไปร์มาจากสตรีตโชว์ตามรถไฟใต้ดินแถบยุโรปอีกด้วย
Listening Bar ที่ชวนเราไปนั่งฟังเพลงแบบจริงจังที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งจะมีดีเจสุดฮิปคอยสลับคิวกันมาเปิดแผ่นไวนิลให้เราฟังในทุกค่ำคืน ซึ่งนอกจากนั้นร้านนี้ยังเสิร์ฟค็อกเทลคอนเซ็ปต์แน่นให้เราได้จิบระหว่างฟังเพลงอีกด้วย