ชั้น 1 โซน The Storeys

จากซัพพลายเออร์ขายส่งปลาไหลญี่ปุ่นอุนางิเจ้าเก่าแก่ สู่การเปิดหน้าร้านข้าวหน้าปลาไหลที่พรีเมียมที่สุดในไทย เพราะในร้านนี้มีบ่อพักปลาไหลเป็นของตัวเอง จึงมั่นใจได้ว่าเราจะได้กินอุนางิที่ย่างสดๆ ทุกจาน

Unagi Yondaime Kikukawa ขึ้นชื่อเรื่องข้าวหน้าปลาไหลสไตล์นาโกย่าที่มีวัฒนธรรมการกินที่เก่าแก่เรียกว่า ‘ฮิตสึมะบุชิ’ ซึ่งเป็นการแบ่งข้าวหน้าปลาไหลออกเป็น 3 ส่วน โดยเริ่มจากกินเปล่าๆ โดยไม่ต้องปรุง จากนั้นจึงใส่เครื่องปรุงเช่นพวกวาซาบิและสาหร่ายลงไป และปิดท้ายด้วยการเทน้ำชาลงไปในถ้วยคล้ายการกินข้าวต้ม

ด้วยความที่ทุกจานของร้านนี้จะเป็นการย่างอุนางิแบบสดใหม่จานต่อจานและมีซิกเนเจอร์คือความกรอบนอกนุ่มในของตัวเนื้อปลา ใครจะมาร้านนี้อาจจะต้องเผื่อเวลารอย่างปลากันสักนิด ซึ่งที่สาขานี้เขามีห้องไพรเวตให้นั่งด้วย ใครมากันหลายคนสามารถจองล่วงหน้าก่อนได้เลย

ใครที่มา Unagi Yondaime Kikukawa เป็นครั้งแรก ทางร้านจะแนะนำให้เลือกสั่งข้าวหน้าปลาไหลแบบเป็นเซ็ต เพื่อสัมผัสถึงตัวตนของร้าน Unagi Yondaime Kikukawa ได้ในทุกคำ โดยมีเซ็ตขายดีคือ เซ็ตโคฮาคุโกเซ็น (1,250 บาท) และ เซ็ตปลาไหลอุนางิย่างซอสคาบะยากิทั้งตัว (1,250 บาท) นอกจากนี้ยังสามารถสั่งไข่ม้วนปลาไหลอุนางิ (410 บาท) มาเป็นเครื่องเคียงได้ด้วย

ชั้น G โซน The Storeys

ตำนานร้านอาหารเช้าสุดโลคัลแห่งย่านเสาชิงช้าที่ครองใจคนกรุงเทพฯ มาตั้งแต่ยุคอากงอาม่า ‘โกปี๊ เฮี้ยะไถ่กี่’ ถือเป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดสาขาใหม่ใน One Bangkok

ความน่ารักของสาขาใน One Bangkok คือการดีไซน์ร้านที่ให้รู้สึกเหมือนได้ไปนั่งที่สาขาแรก ทั้งการออกแบบหน้าร้านให้เหมือนตึกโบราณ ด้านในมีเคาน์เตาน์บาร์ดีไซน์เก่า โต๊ะเก้าอี้วินเทจ หรือแม้กระทั่งยกบันไดไม้มาวางไว้ให้เหมือนร้านต้นฉบับ

ใครมาโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ก็ต้องไม่พลาดบรรดาอาหารเช้าสไตล์ลูกครึ่งไทย-จีน ที่จับคู่ได้ดีกับกาแฟโบราณ นอกจากนั้นก็มีเมนูพิเศษที่มีขายเฉพาะสาขานี้เท่านั้น อย่าง ข้าวคลุกกะปิกุ้งเคย (228 บาท) และ โคเฟโน่ (109 บาท) ให้ได้ลองชิมด้วยนะ

ชั้น 3 โซน The Storeys

อิซากายะร้านโปรดของชาวสีลมที่ขยายมาเปิดอีกสาขาบนชั้น 3 ของศูนย์การค้า One Bangkok พร้อมโซนเอาต์ดอร์สกายวิวเห็นเมืองกรุงแบบฉ่ำๆ

การตกแต่งสาขานี้จะต่างจากสาขาแรกที่สีลมนิดหน่อย โดยสาขานี้จะจำลองความเป็นร้านอิซากายะในโตเกียวที่คึกคักและมีสีสันมากกว่าสาขาแรกที่ทำเป็นบ้านญี่ปุ่นฟีลโฮมมี่ โดยหยิบเอากิมมิกต่างๆ ของความเป็นร้านอิซากายะในเมืองหลวงญี่ปุ่นมาใช้ ทั้งป้ายร้านแบบร้านสะดวกซื้อ รวมถึงแบ่งโซนไพรเวต บาร์เครื่องดื่ม และโซนปิ้งย่างอย่างชัดเจน

เราว่าร้านนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านของ One Bangkok ที่เหมาะกับการรวมตัวแก๊งเพื่อน ซึ่งนอกจากเมนูปิ้งย่างเสียบไม้ตามสไตล์ร้านอิซากายะทั่วไปแล้ว ที่นี่ยังมีเมนูจานหลักเน้นอิ่มจุกให้ได้สั่งด้วยเช่นกัน

โดยเมนูแนะนำเริ่มจาก ตับไก่ย่างซอสเทอริยากิ (59 บาท) ตูดไก่ย่างเกลือ (59 บาท) หัวปลาแซลมอนต้มซีอิ๊ว (389 บาท) ข้าวโพดทอด (89 บาท) และ ข้าวคลุกแตงกวาดอง (119 บาท)

ชั้น 5 โซน Parade

มองแว้บแรก อาจจะคิดว่าร้านนี้เป็นคาเฟ่ แต่จริงๆ แล้วนี่คือร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีเปิดใหม่ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ในโครงการ One Bangkok อิมพอร์ตตรงมาจากประเทศจีนที่มีมากถึง 66 สาขา

จุดเด่นของร้านนี้อยู่ที่การตกแต่งแบบคลีนๆ ดูสะอาดตา มีกิมมิกคือดีไซน์ร้านให้เหมือนมาแคมปิงกินปิ้งย่างกับเพื่อน เลยจะเห็นว่าโต๊ะเก้าอี้ที่ใช้เลยเหมือนอุปกรณ์แคมปิงมากๆ แถมพนักงานก็ยังแต่งตัวเหมือนมาเที่ยวแคมปิงจริงๆ

ด้วยความเป็นร้านปิ้งย่างเกาหลีที่มาจากประเทศจีน อาหารของที่นี่เลยมาในสไตล์ลูกครึ่งวัฒนธรรมไทย-จีน-เกาหลี เช่นเมนูเนื้อหมักซอสหมาล่า และหมูสามชั้นในลูกมะพร้าว ที่ให้รสชาติอร่อยแบบแปลกใหม่ รวมถึงเมนูฟิวชั่นจานเดี่ยวอย่างซุปเต้าหู้ทะเลที่สามารถสั่งมากินเป็นเครื่องเคียงก็ดีงามไม่แพ้กัน

ชั้น B1 โซน The Storeys

นี่คือแบรนด์ก๋วยเตี๋ยวแบรนด์ใหม่ในจักรวาลของเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร โดยสำหรับ Zaab Niran (แซ่บนิรันดร์) ร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำที่เปิดตัวสดๆ ร้อนๆ กันที่ One Bangkok นั้นมีจุดเด่นคือรสชาติสุดแซ่บสมชื่อร้าน จากการใช้พริกถึง 3 ชนิด คือพริกกะเหรี่ยง พริกจินดา และพริกขี้หนู​ ปรุงเป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสเผ็ดจัดจ้านแบบไทยแท้ ซึ่งที่เราชอบมากๆ นอกจากรสเผ็ดถึงใจแล้ว คือพวกเมนูเครื่องในของร้านนี้ที่เขาทำออกมาได้เด้งดึ๋งไม่มีกลิ่นคาว กับอีกอย่างคือกากหมูที่โรยแถมมาให้แบบจุกๆ

มาร้านนี้ทั้งที เมนูที่ห้ามพลาดเด็ดขาด ได้แก่ ก๋วยเตี๋ยวแห้งคลุกแซ่บนิรันดร์ (159 บาท)

เซี่ยงจี๊ ต้มยำ (159 บาท) ไข่ตาหวานต้มยำ (159 บาท) และก๋วยเตี๋ยวต้มยำอาณาจักรหมู (299 บาท) ที่สำหรับเราคือกินคนเดียวไม่หมดด้วยซ้ำ เพราะให้ทั้งเนื้อหมู ลูกชิ้น และเครื่องในมาแบบจัดเต็มเกินเบอร์มากๆ

มาถึงเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว กับร้าน Kaneko Hannosuke ร้านเทมปุระยอดฮิตจากประเทศญี่ปุ่น ที่ขนาดคนญี่ปุ่นเองยังต้องยอมต่อคิวยาวเหยียดเพื่อได้ทาน!

สำหรับเมนูเด็ดของร้านนี้ แน่นอนว่าเป็นเจ้า ‘เทนด้ง’ หรือข้าวหน้าเทมปุระนั่นเอง ซึ่งสำหรับใครที่มาครั้งแรก เราขอแนะนำให้สั่งตัวพิเศษที่เป็นเทนด้งรวมมิตร ซึ่งรวมเอาทั้งกุ้ง ปลา และผักอย่างมะเขือม่วงกับฟักทองไว้ในชามเดียวกัน พร้อมโปะมาบนข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ ที่หุงมาอย่างดี ราดด้วยซอสเทนซึยุรสไม่หวานมาก

Tempura Yamaya คืออีกหนึ่งร้านเทมปุระที่โด่งดังสุดๆ ในโลกออนไลน์ เพราะความแปลกใหม่จากการเสิร์ฟเทมปุระมาพร้อมกับไข่ปลาเมนไทโกะและผักดองทาคานะที่เติมได้ไม่อั้น โดยเมนไทโกะของที่ร้านนี้ เขาใช้เวลาบ่มนานถึง 168 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ไม่ใช่แค่เครื่องเคียงที่ฮ็อตฮิตสุดๆ เท่านั้น แต่หัวใจหลักของร้านอย่างเทมปุระ ก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้กัน เพราะเขาจะทอดเทมปุระใหม่ๆ แบบจานต่อจาน แถมยังมีวัตถุดิบเกรดพรีเมียมให้เลือกสั่งมาท็อปปิงเพิ่มอีกเพียบ เช่น อูนิและไข่ปลาแซลมอนเป็นต้น

มาถึงไทยแล้วในที่สุด กับร้าน Tonkatsu Aoki ร้านที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘เซ็นมงเต็น’ หรือสเปเชียลตีด้านทงคัตสึแห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเราเชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างกับวิดีโอคอนเท้นต์ทงคัตสึเนื้อหมูก้อนยักษ์ชิ้นหนาของร้านนี้ ที่แค่เห็นรูปก็อยากพุ่งตัวไปต่อคิวตอนนี้เลยทันที

ก่อนอื่นเราอยากชวนมาทำความรู้จักความพิเศษของทงคัตสึของร้าน Tonkatsu Aoki กันก่อน โดยเฉพาะเนื้อหมูชิ้นยักษ์ส่งตรงจากญี่ปุ่น ซึ่งร้านนี้เขาจะเลือกใช้เฉพาะเนื้อหมูปลอดสารที่ได้มาตรฐาน SPF หรือ Specific Pathogen-Free เท่านั้น

และเมื่อบอกว่าเป็นร้าน ‘ทงคัตสึสเปเชียลตี’ ทุกเมนูของร้านนี้เลยมีแต่ทงคัตสึ หรือหมูชุบแป้งทอดเท่านั้น ซึ่งจะมีเนื้อหมูให้เลือก 7 ส่วน ได้แก่ Hire, Rosu, Jo, Tokuro, Kata, Ribu และ Tokuhire ส่วนตัวเราชอบ Kata (890 บาท) ซึ่งเป็นเนื้อหมูส่วนสันไหล่มากๆ เนื่องจากเป็นส่วนที่มีความนุ่มมากที่สุดและมีมันแทรกอยู่พอสมควร ในหมูหนึ่งตัวจะมีส่วนนี้น้อยมากๆ ส่วนถ้าใครอยากได้คอนเทนต์เนื้อหมูชิ้นหนาไซซ์ยักษ์ เราแนะนำให้สั่ง Ribu (890 บาท) เนื้อหมูสันนอกคัดพิเศษที่เสิร์ฟมาในปริมาณมากถึง 400 กรัม ซึ่งเป็นขนาดออริจินัลของ Tonkatsu Aoki ที่ญี่ปุ่น

ทงคัตสึของที่นี่จะเสิร์ฟมาเป็นเซ็ตพร้อมข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ koshihikari จากจังหวัดนางีตะที่มีเอกลักษณ์ด้านรสติดหวาน หอมละมุน เหนียวนุ่ม และขนาดเมล็ดสั้น เหมาะกับการทานคู่กับทงคัตสึทอดร้อนๆ เป็นที่สุด นอกจากนั้นยังเสิร์ฟมาพร้อมกะหล่ำปลีซอยเติมได้ไม่อั้น พร้อมน้ำสลัดให้เลือกถึง 3 แบบ คือยูสุ บ๊วย และงา รวมถึงน้ำซุปทงจุริรสอ่อนๆ ไว้ตัดเลี่ยนด้วย

ส่วนตัวเราค่อนข้างประทับใจตัวทงคัตสึมากๆ เพราะไม่อมน้ำมันและไม่แห้งเลย ตัวเกล็ดขนมปังที่ชุบทอดมาก็สีสวยและกรอบละเอียดสมความเป็นสเปเชียลมากๆ แต่ด้วยความที่เนื้อหมูชิ้นค่อนข้างหนา เลยอาจจะต้องใช้เวลารอนานสักหน่อย

ถ้าอยากทานสุกี้ยากี้รสชาติออริจินัลตามตำรับญี่ปุ่นแท้ๆ เราขอเรียนเชิญปักหมุดมาที่ได้ร้าน Sakae กันได้เลย เพราะนี่คือหนึ่งในร้านสุกี้ยากี้ที่มอบรสชาติดั้งเดิมไม่ผิดเพี้ยนเหมือนได้ไปทานที่ประเทศญี่ปุ่นจริงๆ

ความพิเศษของสุกี้ยากี้ร้านนี้ คือบรรดาเนื้อสัตว์เกรดพรีเมียมที่ทางร้านสั่งตรงมาจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น Japanese Wagyu A4 Beef และ Japanese Tokusen Wagyu F1 Beef ที่นุ่มลิ้นจนแทบละลายในปากเนื่องจากมีไขมันแทรกอยู่เยอะ รวมถึงเนื้อ Sakae Signature Beef ที่ถือเป็นขั้นสุดของเนื้อวัวสำหรับทำเมนูสุกี้ยากี้ตามตำราของชาวญี่ปุ่น

เราชอบบรรยากาศของ ‘บ้านสุริยศัย’ สาขา One Bangkok ที่ทำให้รู้สึกถึงความหรูหราแบบย้อนยุค ตามคอนเซปต์ของร้านที่จำลองบ้านไทยโบราณสไตล์โคโลเนียลสำหรับคนรักอาหารไทยตำรับชาววัง

นอกจากบรรยากาศที่ชวนเราย้อนไปในยุครัชกาลที่ 5 แล้ว อาหารหลายๆ จานของที่นี่ยังคงความดั้งเดิมด้วยการเลือกใช้สูตรอาหารไทยตำรับชาววังตามตำราอาหารที่สืบทอดกันมา อาทิเช่น เมนูยำฟักทองกะทิอย่างหม่อมหญิงสุภา ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูยำที่ถอดสูตรมาจากตำราอาหารกับข้าวพรทิพย์นั่นเอง

คนรักหมูชุบแป้งทอดสไตล์ญี่ปุ่นทุกคน ไม่ควรพลาดร้านนี้ เพราะ Tonkatsu Toku คือหนึ่งในใต้หล้าแห่งวงการทงคัตสึที่แม้กระทั่งคนญี่ปุ่นเองยังยกนิ้วให้

ความปังของร้านนี้คือสารพัดเมนู ‘คัตสึ’ ที่เป็นการนำเนื้อสัตว์หรือโปรตีนและผักต่างๆ มาชุบเกล็ดขนมปังโกะแล้วทอดจนได้สีเหลืองอร่าม โดยคัตสึของร้านนี้จะมีให้เลือกตั้งแต่หมูส่วนต่างๆ กุ้ง ปู ไปจนถึงหอยนางรมเลยก็มี

ใครกำลังมองหาร้านซูชิหรูระดับพรีเมียมในศูนย์การค้า One Bangkok อยู่ล่ะก็ เราขอแนะนำให้พุ่งตัวไปร้าน Hou Yuu ได้เลย เพราะที่นี่จะมีทั้งโซนเคาน์เตอร์บาร์เพื่อนั่งทานซูชิแบบโอมากาเสะเสิร์ฟตรงจากเชฟ รวมถึงโซนที่นั่งแบบห้องส่วนตัวที่ด้านในสุดด้วย

นอกจากการออกแบบโซนที่นั่งที่พิเศษกว่าสาขาไหนๆ แล้ว สาขานี้ยังมาพร้อมเซ็ตเมนูพิเศษอย่าง ‘Nanashu Mori’ ซึ่งเป็นเซ็ตซูชิ 7 คำที่เป็นการนำเสมอวัตถุดิบคัดพิเศษของทางร้านมาปั้นเป็นซูชิไซซ์พอดีคำ เช่น อูนิ โอโทโร่ อูนางิ แซลมอน และโฮตาเตะ

อีกหนึ่งร้านในดวงใจที่สายคราฟต์ราเมนไม่ควรพลาด เพราะนี่คือร้านราเมนของเชฟโทโมะฮารุ โชโนะ ที่เรียกตัวเองว่าเป็น Ramen Creators ระดับโลก ซึ่งก็บอกได้เลยว่าไม่เกินจริง ไม่เชื่อลองไปส่ง IG เชฟ จะเห็นรูปราเมนรสชาติและหน้าต่างๆ ที่เกินความเบสิกไปหลายเลเวล ซึ่งเป็นผลงานที่เชฟทำให้กับเครือร้าน Mensho ทุกสาขาทั่วโลก

เมนูแนะนำของร้านนี้ ต้องห้ามพลาด Shoyu Ramen (290 บาท) อย่าเพิ่งคิดว่าพอเป็นเบสโชยุแล้วจะธรรมดา เพราะเบสน้ำซุปร้านนี้ขึ้นมาจากปลาแห้ง เห็ดชิตาเกะ และหอยทะเล ที่เชฟเลือกสรรเฉพาะวัตถุดิบท้องถิ่นปลอดสารมาใช้เท่านั้น ความดีอีกอย่างคือหมูชาชูซูวีด์ที่เนื้อนุ่มจนเราติดใจ ส่วนทางด้านเส้นก็เลือกได้ระหว่าง ‘โฮโซเมน’ ที่เป็นเส้นเล็ก หรือ ‘เทโมมิ’ ที่เป็นเส้นนวดด้วยมือ

ใครกำลังมองหาอะไรง่ายๆ ใน One Bangkok สำหรับวันเร่งรีบอยู่ล่ะก็ ร้าน ‘ลิ้มเหล่าโหงว’ คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ทุกคนวางใจได้ในความอร่อยและความเข้าใจง่ายแบบไม่ต้องประดิดประดอยให้มาก เพราะนี่คือหนึ่งในตำนานร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาที่ครองใจคนกรุงเทพฯ มาอย่างยาวนาน ซึ่งนอกจากเมนูก๋วยเตี๋ยวต่างๆ แล้ว ทีเด็ดอีกอย่างของร้านนี้คือบรรดาติ่มซำทั้งแบบนึ่งและทอดที่ก็อร่อยไม่แพ้เมนูหลักเลยทีเดียว

ในบรรดาร้านอาหารอิตาเลียนที่อยู่ในกรุงเทพฯ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะเทคะแนนให้ร้าน Bianca เป็นหนึ่งในร้านที่คงรสชาติแบบดั้งเดิมไว้ได้มากที่สุด ถึงขั้นที่หากอยากมาทานที่ร้านนี้ อาจจะต้องจองล่วงหน้ากันก่อนสักนิด หากไม่อยากรอคิวนานหรือพลาดชิมความอร่อยแบบอิตาเลียโน่แท้ๆ

เมนูไฮไลต์ของที่นี่มัดรวมทุกหมวดหมู่อาหารอิตาเลียน ไม่ว่าจะเป็นพาสต้าเส้นสด พิซซ่าโฮมเมดสไตล์นาโปลีแท้ๆ หรือแม้แต่ซุปซีฟู้ดแบบทัสคานีก็มีให้ลองสั่งมาชิมด้วย เรียกว่าไม่ต้องบินไปถึงอิตาลี ก็ได้ชิมเมนูรสชาติต้นตำรับแท้ๆ ที่ One Bangkok นี่แหละ

ความเลิศสมชื่อของร้าน ‘เลิศเหลา’ ที่มาเปิดสาขาใน One Bangkok คือรสชาติของน้ำซุปเมนูเกาเหลาหม้อไฟที่เขาใช้สมุนไพรมากถึง 26 ชนิด จนได้เป็นรสชาติซิกเนเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร นอกจากนั้นยังมีทีเด็ดเป็นเนื้อตุ๋นที่ผ่านการย่างและเคี่ยวต่ออีก 5 ชั่วโมง จนทำให้เนื้อตุ๋นของร้านนี้มีเท็กซ์เจอร์นุ่มละมุนสมค่าการต้องดั้นด้นมาชิมถึง One Bangkok เลยทีเดียว

มีใครเคยอยากกินปิ้งย่างแล้วขี้เกียจนั่งปิ้งเหมือนบ้างมั้ย? ซึ่งต้องบอกเลยร้าน Hasul ในศูนย์การค้า One Bangkok นั้นเปิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์เด็กอ้วนอย่างเราโดยแท้ เพราะเมนูปิ้งย่างของร้านนี้เขาปิ้งออกมาให้เป็นเซ็ตแล้ว เรามีหน้าที่แค่คีบหมูสามชั้นเนื้อนุ่มออกจากกระทะร้อนแล้วเอาไปห่อผักกับราดน้ำจิ้มตามชอบก่อนเอาเข้าปากเท่านั้น! บอกเลยว่านี่คือร้านปิ้งย่างเกาหลีหนึ่งในไม่กี่ร้านที่เราเทใจให้แบบเต็มๆ

ร้านอาหารจีนสไตล์ฮ่องกงเกรดพรีเมียมที่ทำให้สายฟู้ดดี้หลายคนต้องยอมยกนิ้วให้ ถึงขั้นที่หลายคนบอกว่าแทบไม่ต้องบินไปฮ่องกงอีกต่อไปเลยด้วยซ้ำ ซึ่งด้วยความเอ็กซ์คลูซีฟของวัตถุดิบที่ทำให้เมนูไฮไลต์อย่าง เป็ดอบใบชา ฮะเก๋ากุ้ง รวมถึงหมูกรอบสูตรฮ่องกงของที่นี่อร่อยสมคำร่ำลือ รวมถึงพรีเซนเทเชั่นที่ใกล้เคียงกับไฟน์ไดนิ่ง จึงไม่น่าแปลกใจที่ Man Fu Yuan จะติดอันดับหนึ่งในร้านอาหารจีนสไตล์ฮ่องกงที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ เลยทีเดียว

แค่เห็นชื่อร้านว่า Bibimbab ก็รู้เลยว่าร้านนี้เขาจริงจังเรื่องเมนู Bibimbab หรือข้าวยำสไตล์เกาหลีแบบขั้นสุดอย่างแน่นอน ซึ่งพอเราได้ไปชิมจริงๆ ก็รู้ทันทีว่าร้านนี้เขาของจริง ด้วยบิบิมบับหลากหลายสไตล์ที่เราเองอาจยังไม่เคยรู้จักมาก่อน ทั้งบิบิมบับเนื้อ บิบิมบับวีแกน ไปจนถึง DIY บิบิมบับที่สามารถเลือกท็อปปิ้งได้เอง