แบรนด์กาแฟสเปเชียลตีนำเข้าจากเกาหลีใต้ เปิดให้บริการเมื่อปี 2016 มีหลายสาขาในกรุงโซล โดยเฉพาะสาขายอดนิยมอย่างย่านกังนัม เป็นที่รู้จักจากเมนู Dirty Cappuccino สำหรับสาขานี้ถือว่าเป็นสาขาแรกในประเทศไทยที่ยังคงคอนเซ็ปต์เดียวกับที่เกาหลีใต้

ร้านชาที่มีต้นกำเนิดจากไต้หวัน โดยผู้เชี่ยวชาญชาชาวไต้หวันที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ซึ่งแบรนด์นี้มีไร่ชาของตัวเองบนภูเขา และได้รางวัลในวงการชาที่ว่ากันว่าสูงสุดเทียบเท่าคุณภาพของร้านอาหารมิชลิน 3 ดาว ที่นี่ยังมีเทคโนโลยีการสกัดชาแบบใหม่ด้วยเทคโนโลยี AI Teapresso ที่ช่วยคำนวณอุณหภูมิและเวลาอย่างแม่นยำ เพื่อมอบประสบการณ์ดื่มชาที่มีคุณภาพดีที่สุด

แบรนด์ช็อกโกแลตบีน-ทู-บาร์ไทย Kad Kokoa ที่นำเอาโกโก้ไทยมาต่อยอดทำเป็นของหวานด้วยไอศกรีมและคุ้กกี้แบบโฮมเมดด้วยเทคนิคฝรั่งเศสคลาสสิก โดยมีเชฟ Sebastien Kunitani เป็นผู้ครีเอต นอกจาก Chocolate Sorbet ที่ใช้โกโก้ซิงเกิลออริจินของไทย ยังมีรส Tomyum Cacao Juice Sorbet ที่นำเอาน้ำโกโก้ผสมกับรสจัดจ้านแบบไทย หรือ Pandan Coconut มะพร้าวใบเตย

ร้านอาหารอีสาน โดยเชฟแท็ป-ศุภสิทธิ์ ก๊กผล จากร้านอาหาร Coda เจ้าของรางวัลมิชลิน 1 ดาว ที่ขยายจักรวาลอาหารไทยสู่ร้านอีสานในชื่อ เจ๊แท็ป ซึ่งชื่อ เจ๊ เป็นชื่อยอดนิยมของร้านอาหารอีสาน เชฟทำส้มตำและอาหารอีสานออกมาในแบบโมเดิร์น ไม่ว่าจะเป็นการย่างเนื้อแบบร้านสเต๊ก หรือการนำเอาเนื้อสัตว์มาใช้หลายๆ ส่วน แบบหัวจรดหาง นำเสนอในรสจัดจ้าน

ร้านแฮนด์โรลและสาเกบาร์ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างเชฟมาซาโตะ ชิมิสุ และคุณปลา อัจฉรา บุรารักษ์ โดยเชฟมาซาโตะใช้ข้าวสูตรเดียวกับร้านโอมากาเสะ แต่ปั้นข้าวคนละแบบ คนละสัมผัสตามประสาเทมากิ หรือ hand roll นอกจากนี้ยังใช้แผ่นสาหร่ายดังที่ในไทยมีเฉพาะที่นี่ เมนูเปลี่ยนไปตามฤดูกาลของปลา เสิร์ฟ 4, 5 และ 7 รวมถึงมี Omakase ด้วย

มีรอบเวลาคือ 11.00 / 12.30 / 14.00 / 17.00 / 18.30 / 20.00 น.

อีกร้านอาหารไทยสมัยใหม่แบบนีโอคลาสสิก โดยเชฟปริญญ์ ผลสุข เจ้าของร้านอาหาร สำรับ สำหรับไทย ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งที่ได้รางวัลมิชลิน 1 ดาว ร้านนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการเดินทางเยือนยุโรปของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในปี พ.ศ. 2440 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อาหารไทยได้รับการปรุงแต่งด้วยวัตถุดิบแปลกใหม่และวิธีการปรุงอาหารจากต่างประเทศ การผสมผสานทางประวัติศาสตร์นี้สะท้อนให้เห็นในเมนูอันน่าสนใจของร้านวิลาส ซึ่งผสมผสานวัตถุดิบชั้นเลิศจากต่างประเทศเข้ากับวัตถุดิบจากประเทศไทย

ร้านของเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ที่เปิดให้กับภรรยา คุณเมย์-จิรัฐฐา ค้ำพันธุ์ โดยออกแบบร้านให้เป็นเหมือน ‘ถ้ำชาวประมง’ ตามเกาะแก่งน้อยใหญ่ที่ชาว ‘อูรักลาโวยจ’ (Urak Lawoi) หรือ ‘อูรักลาโว้ย’ ชาวเลท้องถิ่นแถวเกาะสิเหร่ หาดราไวย์ เกาะลันตา และหมู่เกาะในบริเวณภาคใต้ของไทย มักไปอาศัยพักแรมระหว่างช่วงฤดูหาปลา จนเป็นที่มาของชื่อร้านและคอนเซ็ปต์ “Fisherman Cave” กลางกรุง โดยเมนูซีฟู้ดจะเปลี่ยนไปทุกวันตามแต่วัตถุดิบที่ได้มาจากชาวประมงทางภาคใต้ ซึ่งปลาส่วนใหญ่จับได้ตามธรรมชาติ และจะนำไปดรายเอจก่อนประมาณ 3 วัน ก่อนนำมาขาย โดยสามารถสั่งแล่เป็นซาชิมิหรือให้นำไปย่างถ่านก็ได้เช่นกัน นอกจากปลายังมีอาหารทะเลอื่นที่จับตามธรรมชาติ นำมากินกับสาเก

เมนูลับหลังร้าน ทุกจานนำเสนออาหารไทยผ่านการเล่าเรื่องราวของวัตถุดิบคุณภาพจากท้องถิ่น ปรุงโดยทีมเชฟจากร้านเสน่ห์จันทน์ ร้านอาหารมิชลิน 1 ดาว กับเมนูอาหารไทยรสชาติจัดจ้าน อาทิ ปลาหมึกผัดไข่เค็ม หมึกผัดน้ำดำ ปลาหมึกทอดน้ำปลา ก๋วยเตี๋ยวแกงรัญจวน ข้าวหมูฮ้องชาชู ขากบคั่วพริกเกลือ แม่น้ำทอดกระเทียม

ร้านที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘เซ็นมงเต็น’ หรือสเปเชียลตี้ด้านทงคัตสึแห่งประเทศญี่ปุ่น ที่นี่ใช้เนื้อหมูก้อนใหญ่ส่งตรงจากญี่ปุ่น ซึ่งร้านนี้จะเลือกใช้เฉพาะเนื้อหมูปลอดสารที่ได้มาตรฐาน SPF หรือ Specific Pathogen-Free เท่านั้น มีเนื้อหมูให้เลือก 7 ส่วน ได้แก่ Hire, Rosu, Jo, Tokuro, Kata, Ribu และ Tokuhire โดยเฉพาะ Kata เนื้อหมูส่วนสันไหล่ และ Ribu เนื้อหมูสันนอกคัดพิเศษที่เสิร์ฟมาในปริมาณมากถึง 400 กรัม เสิร์ฟมาเป็นเซตพร้อมข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ Koshihikari จากจังหวัดนางีตะ มาในหม้อเหล็ก

ร้านอาหารนั่งชิลล์ ที่เลือกอาหารไทยครบรสและอาหารฝรั่งฟิวชั่น เสิร์ฟคู่เครื่องดื่มหลากหลาย ในบรรยากาศแห่งความสนุกจาก Live Band ทุกคืน อาทิ เนื้อวากิวญี่ปุ่นย่างเกลือหิมาลัย เนื้อพิคานย่าย่างกับซอสพอนสึยุซุ รวมถึงค็อกเทลต่างๆ